วันศุกร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

ลอยไปกับสายน้ำ ๓

วุฐิศานติ์ จันทร์วิบูล

แม่น้ำสีคราม
หนึ่ง
การเดินทางเริ่มต้นขึ้นในเช้าวันที่แจ่มใส ท้องฟ้าสะอาดปราศจากหมู่เมฆ หรือแม้แต่ริ้วรอยใด สายลมแผ่วจางชวยชื่นทำให้บรรยากาศยามเช้าหอมหวานอย่างประหลาด ฉันหวนคิดถึงความใฝ่ฝันใคร่ได้ไปเยี่ยมเยือน ดินแดนริมฝั่งแม่น้ำโขงในเสียงพิณแคนของบทเพลงพื้นบ้าน บทเพลงที่เดินทางเข้าสู่หัวใจของฉันได้โดยปราศจากการแบ่งแยกใดใด

จากดินแดนริมฝั่งแม่น้ำโขง เราเดินทางมุ่งหน้าสู่ดินแดนแห่งแม่น้ำโขง จากตำนานของปู่ละหึ่งเราเดินทางเข้าสู่ตำนานแห่งพญานาคา

ในเช้าวันที่อากาศแจ่มใส ถนนสีเทาทอดยาวออกไปราวกับไม่สิ้นสุด เชื่อมต่อเขตแดนแห่งเทือกเขาสูงสู่เขตแดนแห่งเทือกเขาสูง ไต่ไปตามสันเขาเทือกหนึ่งสู่สันเขาอีกเทือกหนึ่ง ก่อนเลื้อยลงสู่แอ่งสกลนคร และลุ่มน้ำสงคราม

ลุ่มน้ำสงครามมีเทือกเขาภูพานเป็นสันปันน้ำอยู่ทางทิศใต้ มีพื้นที่รับน้ำฝน 12,637 ตารางกิโลเมตร ในจังหวัดอุดร หนองคาย สกลนครและนครพนม ด้วยความยาว 420 กิโลเมตร

เรามาถึงอำเภอศรีสงครามใกล้เที่ยงคืนแล้ว หลังจากเติมท้องให้อิ่มอุ่น เราต่างเลือกที่จะทิ้งตัวลงในอ้อมกอดของโรงแรมเล็กๆ แห่งหนึ่งหน้าสถานีขนส่ง ปล่อยให้ค่ำคืนที่เหลือช่วยผ่อนคลายความเหนื่อยอ่อนจากการเดินทาง

ลุ่มน้ำสงครามเป็นลำน้ำสาขาสายหนึ่งของแม่น้ำโขง ชาวบ้านแถบต้นน้ำสงครามเล่าประวัติและ ความหมายของแม่น้ำสงครามจากตำนานสังข์สินไชย ตำนานกล่าวกันว่า พระราชธิดาของพระยาขอมได้ออกประพาสป่ากับเหล่าทหารและข้าราชบริพาร ระหว่างทางได้นอนหลับอยู่กลางป่า ขณะเดียวกันมีพญายักษ์ตนหนึ่งออกหาอาหาร และได้มาพบนางเข้าจึงเกิดหลงใหลในความงาม พญายักษ์จึงใช้มนต์สะกดให้ทหารหลับใหล จากนั้นจึงอุ้มนางไปซ่อนไว้ในถ้ำแห่งหนึ่ง ฝ่ายพระยาขอมเมื่อรู้ว่าพระราชธิดาหายไป จึงรับสั่งให้พระสังข์ทอง พระสินไชย และพระสีโหออกติดตามจนพบ จนเกิดทำสงครามกันขึ้นระหว่างมนุษย์กับยักษ์ ในบริเวณภูผาเหล็ก และภูผาหัก จนเกิดร่องน้ำกลายเป็นต้นน้ำสงคราม

ในบางความหมายมาจากภาษาอีสาน “สงคาม” แปลว่า ป่าคาม คือต้นคาม พืชพุ่มทรงเตี้ยใช้สำหรับย้อมผ้า หมู่บ้านภูตะคามซึ่งตั้งอยู่ต้นแม่น้ำสงคราม ชาวบ้านนิยมปลูกคามและย้อมผ้า บ้างก็ว่ามาจากคำว่า “ก่าม” ซึ่งกร่อนรูปมาเป็น คาม คือต้นก่ามที่ขึ้นอยู่มากริมแม่น้ำสงคราม เป็นพืชพุ่มเตี้ยใบใช้กินได้
ภายในงานมหกรรมปลาลุ่มน้ำสงคราม มีการจัดนิทรรศการของแต่ละตำบล มีงานออกร้าน มีการประกวด แข่งขัน และการแสดงบนเวที ตลอดจนมีการจัดเสวนาในหัวข้อ “สิทธิชาวบ้านในการจัดการลุ่มน้ำสงครามของหมู่เฮา”

สอง


ยามเย็นช่างเงียบสงบงดงามไม่แตกต่างจากความสลัวรางของยามเช้า ในขณะที่ความมืดค่อยๆ เลือนหายจากขอบฟ้า คลายโอบกอดจากค่ำคืนอันหนาวเย็น สายลมหอบไอชื้นจากแม่น้ำขึ้นมาอวลในอากาศหอมชื่น ภาพของแม่น้ำสีครามค่อยๆ สว่างเรืองขึ้นจากแสงแห่งดวงตะวันยามเช้า ในขณะที่ภาพของยามเย็น แม่น้ำเริ่มสลัวรางในม่านหมอกบางเบา เรือหาปลาของคนเฒ่าล่องลับหายไปจากโค้งน้ำ ปล่อยให้ความมืดคลี่คลุมอย่างช้าเชือน แสงสุดท้ายเลือนหายจากขอบฟ้าคราม ค่ำคืนมาเยือนอย่างเงียบงัน

ในขณะที่ยามเช้านำพาชีวิตสู่การตื่นฟื้นขึ้นมาพร้อมกับดวงอาทิตย์อันอบอุ่น ยามเย็นกลับนำพาเราสู่การผ่อนพักหลับไหลในค่ำคืนยาวนาน เพียงเพื่อให้เราได้ชื่นชมความงามของยามเช้าอีกครั้งหนึ่ง หรืออาจเพียงเพื่อให้เราได้รู้จักชื่นชมกับความงามของชีวิต

หากทว่าแม่น้ำสงคราม ไม่ว่าห้วงยามใดบนรอยต่อของทิวาและราตรี ภาพของแม่น้ำช่างเงียบสงบและงดงามด้วยสีคราม ดุจดังกระจกเงาที่ส่องสะท้อนซึ่งกันและกันระหว่างท้องฟ้าหรือผืนน้ำ สมดั่งสีคราม

สาม
ยามบ่ายที่ร้อนอบอ้าว สายลมเย็นจากแม่น้ำช่วยทำให้เรารู้สึกสดชื่นยิ่งขึ้น เมื่อเราเดินทางมาถึงปากแม่น้ำสงคราม ที่ไหลบรรจบรวมแม่น้ำโขงที่หมู่บ้านไชยบุรี ภาพของแม่น้ำสองสีที่ไหลรวมกลับกลายเป็นแม่น้ำสีเดียวกัน จากสีครามใสหลอมรวมอยู่ในความขุ่นข้น ภาพของแม่น้ำสองสายกลับกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน มันทำให้ฉันนึกถึงคำพูดของผู้เฒ่าคนหนึ่ง “แม่น้ำโขงตาย แม่น้ำสงครามตาย”

แม่น้ำโขงช่วงนี้ช่างกว้างใหญ่ ฟากฝั่งตรงข้ามช่างห่างไกล ฉันเหม่อมองไกลไปจนสุดสายตา ภาพ แม่น้ำสว่างเรืองตรงเส้นขอบฟ้า หรือว่านั่นคือสุดขอบโลก เราไม่อาจคาดเดาได้เลยว่า ไกลจากสุดขอบโลกออกไป ภาพของแม่น้ำโขงที่ฉันเริ่มหลงรักนี้มีหน้าตาเป็นเช่นไร

ภาพแม่น้ำโขงกว้างใหญ่ ไร้เกาะแก่งและหินผา ทำให้ฉันหวนนึกกลับไปถึงแม่น้ำช่วงตอนบนที่กำลังถูกรุกรานอย่างหนัก การสร้างเขื่อนขวางกั้นแม่น้ำโขงในประเทศจีน การระเบิดเกาะแก่งหินผากลางลำน้ำเพื่อ ปรับปรุงร่องน้ำสำหรับการเดินเรือพานิชเพื่อการค้าของจีน

นับกี่ร้อยปีมาแล้ว แม่น้ำกี่ร้อยกี่พันสายทั่วโลกยังคงถูกกระทำชำเราไม่แตกต่างจากผู้คนพื้นเมืองของแผ่นดิน ไม่แตกต่างจากแม่น้ำสายนี้ แม่น้ำโขงที่ฉันเริ่มหลงรัก

“แม่น้ำโขงตอนบนถูกทำลาย แม่น้ำโขงตอนล่างตาย”

สี่
ค่ำคืนอันสงบเย็น ลมหนาวเริ่มพัดโชยบางเบาหอมหวาน คลื่นแม่น้ำก่อระลอกม้วนตัวเข้าหาชายฝั่ง ท้องฟ้า โปร่งเข้มด้วยสีน้ำเงิน เสี้ยวจันทร์และดวงดาววับแวมสวยงาม ไม่แตกต่างจากภาพแม่น้ำยามค่ำคืน แสงไฟตามบ้านเรือนริมฝั่งส่องสะท้อนวอมแสงบนผืนน้ำราวกับกลุ่มดวงดาวบนท้องฟ้า

เราเดินทางเลาะเรื่อยขึ้นมาตามริมฝั่งแม่น้ำโขง ราวการสำรวจเส้นทางเพื่อค้นหาบางสิ่งบางอย่างที่ฝังลึกอยู่ในหัวใจ หัวใจของผู้คนริมฝั่งลำน้ำ หรือหัวใจของแม่น้ำ จะแตกต่างกันอย่างไร หากหัวใจดวงใดดวงหนึ่งถูกทำร้าย หัวใจของแม่น้ำเจ็บปวด หัวใจของผู้คนริมฝั่งโขงย่อมเจ็บปวดรวดร้าว

หัวใจของผู้คนที่อาศัยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขงนับแสนนับล้านคนรวมอยู่ที่นี่ ในหัวใจของแม่น้ำ

ฉันอำลาผู้คนริมฝั่งแม่น้ำโขงบนแผ่นดินอีสานมาอย่างเงียบๆ แม้ผู้คนบนแผ่นดินแห่งนี้จะไม่เคยรับรู้การมีอยู่ของฉัน หากทว่า ฉันรับรู้การมีอยู่ของพวกเขาตลอดไป.

พิมพ์ครั้งแรก Mekong post ฉบับคิดถึงปลาบึก ๒๕๔๙

ไม่มีความคิดเห็น: