วันอังคารที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

ดวงตะวันที่จำปาสัก

วุฐิศานติ์ จันทร์วิบูล

ยามเช้ากำลังเริ่มต้นขึ้นที่ริมขอบฟ้า ขณะความมืดคลี่ม่านหม่นเผยให้เห็นผืนฟ้างามครามชมพู เรื่อเรืองราวผิวสาวเปล่งปลั่งส่องสะท้อนจนพื้นผิวของแม่น้ำโขงอาบด้วยมวลแห่งสีสันดุจเดียวกัน

ฉันยืนอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง ฟังเสียงคลื่นน้ำทบทยอยเข้าสู่ชายฝั่งครั้งแล้วครั้งเล่าราวมิรู้จักเหน็ดเหนื่อย สายลมหนาวยะเยือกหอบพัดเอากลิ่นหอมชื่นของแม่น้ำอันคุ้นเคยเข้ามา ฉันเฝ้ามองดูฝูงนกสีขาวผกโผจากรวงรังบินข้ามฟ้าลับหายไปในม่านหมอกเบื้องทิศตะวันออก ขณะดวงตะวันสีแดงปรากฏรูปกายเหนือเส้นขอบฟ้า เรืองรองด้วยแสงแดดอ่อนจาง ค่อยๆ เก็บซับมวลหมอกเหนือผิวน้ำ ค่อยๆ อาบความอบอุ่นไปทั่วบริเวณ

หมู่บ้านริมฝั่งเรืองรองอ่อนหวานด้วยแสงแรก ก่อนแผ่ซ่านละอองแดดอันอบอุ่นอาบผืนน้ำโขงจนเปล่งประกายงามระยับ เอื้อความอบอุ่นให้กับเรือหาปลาของชาวประมงพื้นบ้านที่ล่องลอยอยู่กลางแม่น้ำตั้งแต่ก่อนฟ้าสาง เด็กชายตักน้ำขึ้นมารดพืชผักของแปลงเกษตรริมฝั่งแม่น้ำโขง แม่หญิงชาวบ้านลงมาซักผ้าและตักน้ำหาบเอาขึ้นไปเก็บไว้ใช้ภายในครัวเรือน และเด็กๆ ที่วิ่งเล่นสนุกสนานอยู่ในรั้วบ้านอันอบอุ่น

ละอองแดดอบอุ่นอาบร่างของหญิงแม่ค้าน้อยๆ สวมหมวกญวนขี่รถถีบกระเตงของขายอยู่บนถนนสายหลักในเมือง แม่หญิงชาวบ้านใส่บาตรและพนมมือรับพรจากพระสามสี่รูปที่เดินออกมาบิณฑบาตตามบ้านเรือน แม่เฒ่าสองนางสวมเสื้อกันหนาวนั่งเคี้ยวหมากพูดคุยถึงความหลังบนเตียงไม้ใหญ่หน้าบ้าน และไอร้อนจากหม้อต้มกาแฟและหม้อเฝออวลอุ่นในร้านกาแฟยามเช้าที่คับคั่งไปด้วยผู้คน

ละอองแดดอาบอุ่นต้นไม้ใบหญ้าสดขจีจากหยาดน้ำค้างยามเช้า งานบุญเลี้ยงพระของบรรดาพ่อบ้านแม่บ้านที่กำลังนั่งฟังเพลงสวดแห่งสานุศิษย์ของสมณโคดม นักกีฬาเดินยืดเส้นสายเพื่อเตรียมตัวลงสนามแข่งขันในงานกีฬาประจำแขวง ขบวนผู้โดยสารและสัมภาระอัดแน่นบนรถสองแถวที่กำลังเดินทางจากเมืองไปสู่เมือง และบรรดานักท่องเที่ยวและชาวเมืองที่กำลังเตรียมเดินทางไปร่วมงานบุญที่ปราสาทวัดพู

ละอองแดดอาบอุ่นอยู่ตามตึกรามบ้านช่องห้องหับของเมือง โฮงหมอหรือสถานพยาบาลอันเงียบร้างและไร้ผู้คน สนามและอาคารของโฮงเฮียนอันเงียบเหงาในเช้าวันอาทิตย์ สิมและวัดวาอารามนิ่งสงบรอคอยผู้ศรัทธาเข้ามาเยี่ยมเยือน เฮือนไม้ประดับประดาสร้อยฉลุเชิงชายหลังคาแบบขนมปังขิงตามสถาปัตยกรรมร่วมสมัยรัชกาลที่ห้า ตึกโคโรเนียลร่องรอยแห่งศิลปะตกค้างจากเจ้าอาณานิคมฝรั่งเศส ขัวหรือสะพานวัดใจที่ไม่อนุญาตให้รถวิ่งผ่านสวนทางบนลำห้วยสายน้อย

ดวงตะวันอาบละอองแดดอันอบอุ่นไปทั่วเมืองทั้งเมือง มิแบ่งแยกผู้เหย้าหรือผู้มาเยือน มิแบ่งแยกว่ายากดีมีจนสูงส่งหรือต่ำทราม มิแบ่งแยกเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ หรือศาสนา ตามวิถีชีวิตอันเรียบง่ายงดงามของผู้คน ทว่าเอื้อความอบอุ่นไปถ้วนทั่วตลอดเส้นสายแม่น้ำโขง มิได้แบ่งแยกว่าเป็นผู้ให้หรือผู้ทำลาย เป็นผู้กักตุนเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ส่วนตนหรือผู้คอยเอื้อเฟื้อแบ่งปัน มิแบ่งแยกว่าเป็นจีน พม่า ลาว ไทย กัมพูชาหรือเวียดนาม แม่น้ำโขงยังคงหลากไหลไปหล่อเลี้ยง ดวงตะวันยังสาดแสงร้อนแรงอบอุ่น

ทุกครั้งที่ได้ยืนอยู่เบื้องหน้าสายน้ำ ฉันนึกถึงความเอื้อเฟื้อแบ่งปันที่หลากไหลไปหล่อเลี้ยงมวลสิ่งมีชีวิตได้ไม่เคยสิ้นสุด ทุกครั้งที่ได้เฝ้ามองการก่อกำเนิดของดวงตะวัน ฉันนึกถึงการเริ่มต้นของชีวิตและการเอื้อเฟื้อแบ่งปันความอบอุ่นให้กับชีวิตได้ไม่เคยหมดสิ้น และทุกครั้งจึงก่อเกิดความอบอุ่นคุ้นเคยเล็กๆ ในใจฉัน แม้นจะอยู่ในแดนดินอันห่างไกลจากบ้านเกิดเมืองนอน

ใช่หรือไม่ว่า นี่คือหัวใจแห่งรักของผู้มอบให้อย่างแท้จริง เฉกเช่นสายน้ำให้ได้โดยไม่เคยร้องขอสิ่งตอบแทน แสงของดวงตะวันอาบเอื้อแบ่งปันให้โดยไม่เคยร้องขอสิ่งตอบแทน และเช่นเดียวกัน ฉันปรารถนาเป็นได้แค่เพียงเศษหนึ่งส่วนล้านของสายน้ำและดวงตะวัน...
ขอบคุณ นู๋ไหม สำหรับภาพสุดท้าย
พิมพ์ครั้งแรก สานแสงอรุณ ฉบับโลกต้องการ "เล็ก" และ "งาม" พฤษภาคม-มิถุนายน ๒๕๕๐

เสียงน้ำและความเงียบงัน ๘

เดือนเพ็ญ

ความมืดกำลังลืมตาตื่น ในขณะที่แสงของยามพลบเลือนรางอยู่หลังเทือกเขาฟากตะวันตก พระจันทร์ซีดขาวค่อยๆ เผยตัวตนเหนือเทือกเขาฟากฝั่งเมืองห้วยทราย ความมืดค่อยๆ ขับให้พระจันทร์เปล่งแสงนวลสีเหลืองเรืองเรื่อขึ้นทุกขณะ แสงอันงดงามก่อให้เกิดความรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด

แสงจันทร์นวลกระจ่างค่อยๆ ลูบไล้พื้นผิวโลก เอิบอาบพืชพรรณ สัตว์ มนุษย์และมวลสิ่งมีชีวิตเล็กๆ บนโลกใบนี้ โลกที่เต็มไปด้วยเรื่องเล่าถึงพระจันทร์

ในค่ำคืนเช่นนี้ เหมาะที่จะได้นอนฟังนิทานแห่งดวงจันทร์ และปล่อยความคิดฝันให้ล่องลอยไปในจินตนาการอันบรรเจิดเพริศแพร้ว หลายครั้งฉันได้พบว่า เรื่องเล่าจากวัยเยาว์ได้เติบโตขึ้นในตัวตนของฉัน และยังคงแต่งแต้มสีสันลงไปในเรื่องราวเมื่อครั้งอดีต ปล่อยให้มันงอกเงยและงดงาม

ค่ำคืนนี้จึงเหมาะสำหรับการเปิดโลกในอดีตของเราขึ้นมา เพื่อปล่อยให้ตัวเองโลดแล่นไปสู่จินตนาการอันกว้างไกลไร้ที่สิ้นสุด เช่นเดียวกับแสงของดวงจันทร์ที่ลูบไล้ทั่วพื้นแผ่นดินโลกยามค่ำคืน

แสงจันทร์ทำให้เราได้มองเห็นการเติบโตขึ้นของตัวเอง ในโลกแห่งจินตนาการที่แฝงฝังอยู่ในหัวใจของวัยเยาว์อีกครั้ง.

วันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

เสียงน้ำและความเงียบงัน ๗

คนปลูกผัก


ลมหนาวมาเยือนอย่างแผ่วเบาในเช้าวันนี้ ต้นไม้ใบหญ้าเริงร่าในพรายพรูของสายลม ม่านหมอกแผ่คลุมสายน้ำอย่างนุ่มนวล ขณะดวงตะวันเผยรอยยิ้มที่ริมขอบฟ้า ชายชราลากรถเข็นบรรทุกไซลั่นสามใบผ่านหน้าร้านกาแฟ น้ำแห้งลงมากแล้ว การวางไซดักปลาเป็นไปได้ยาก จึงถึงเวลาแขวนไซเพื่อซ่อมแซม หากทว่ากิจกรรมริมแม่น้ำโขงอีกอย่างหนึ่งของชายชรายังดำเนินต่อไป

เช้าและเย็น ชายชราจะออกมาดูแปลงผักริมฝั่งน้ำ เดินลงไปตักน้ำโขงขึ้นมารดแปลงผักที่กำลังอวดช่อใบงอกงาม วันเวลาเคลื่อนผ่านสวนน้อยๆ แห่งนี้ ชายชราเพียงอาศัยเฝ้ารดน้ำดูแลมิได้ขาด แร่ธาตุใต้พื้นดินริมฝั่งจึงต่างช่วยเร่งให้พืชผักนานาชนิดเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว

ในยามเช้าที่สายลมหนาวพัดผ่านมาเยือน ภรรยาของชายชรากับหลานสาวลงมาช่วยกันเก็บพืชผักในสวนน้อยๆ สำหรับมื้ออาหาร สำหรับแจกจ่ายเพื่อนบ้าน มีเหลือเผื่อขายในตลาด พืชผักมีมากพอสำหรับคนทั้งเมือง

ชีวิตริมสองฟากฝั่งเป็นดั่งเดียวกัน เมื่อลมหนาวพัดผ่าน น้ำลดระดับลง ผืนดินริมฝั่งแม่น้ำโขงโอบรับ เมล็ดพันธุ์มากมาย โอบอุ้มดูแลมวลชีวิตให้เติบโตขึ้นพร้อมกัน.

วันศุกร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

เสียงน้ำและความเงียบงัน ๖

หมอกเช้า

วันนี้ฉันมาเปิดร้านสายกว่าปกติ เพราะมัวแต่นอนรอแสงของยามเช้าให้เข้ามาเยี่ยมเยือนทางหน้าต่างห้อง โดยหารู้ไม่ว่า วันนี้เราอาจไม่ได้พบเห็นแสงอันอบอุ่นของยามวันก็เป็นได้ ด้วยม่านหมอกคลี่คลุมเมืองทั้งหมดไว้ในความชื่นมื่นรื่นรมย์

เมื่อฉันมาถึงร้านกาแฟ ม่านหมอกโรยตัวอยู่ตามถนนหนทาง ปกคลุมแม่น้ำทั้งสายไว้ในม่านหนาทึบ พร่าเลือนและขาวโพลน อำพรางทั้งหมดทั้งมวลเอาไว้ราวกับเด็กสาวผู้เอียงอายมิกล้าสบตาเด็กหนุ่มที่แอบจ้องมอง

ทันทีที่เปิดประตูร้าน หมอกได้ทะลักไหลเข้ามาเต็มร้าน ทำให้ทุกอณูของอากาศเต็มไปด้วยละอองหมอกอันชุ่มชื้น นกเช้าร้องมาจากที่นั่นที่นี่ ต้นไม้ใบหญ้าเขียวชอุ่มชุ่มชื่นอยู่ด้วยน้ำค้าง ดอกเสี้ยวทิ้งตัวสู่ลานพื้นอย่างแช่มช้า กิ่งใบโยกไหวในสายลมบางเบา

ครั้นพอกาน้ำร้อนเริ่มเดือด ม่านหมอกค่อยๆ คลายตัวถดถอย เลือนรางและจางหาย ค่อยๆ เผยภาพของ แม่น้ำให้คืนกลับมาอีกครั้ง แม่น้ำโขงที่คุ้นเคย หากทว่าในเช้าวันนี้กลับดูราวกับเป็นแม่น้ำสายใหม่ เต็มไปด้วยละอองหมอกบางเบา เต็มไปด้วยความงามที่รอคอยการค้นพบ เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาที่เคลื่อนไหลไม่เคยหยุดนิ่ง
ภาพชีวิตราวกับได้ถือกำเนิดขึ้นใหม่นี้ ค่อยๆ ดำเนินต่อไปอีกครั้ง.

วันอังคารที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

เสียงน้ำและความเงียบงัน ๕

โต๊ะไม้


ดวงตะวันเรื่อเรืองในม่านหมอกยามเช้า ประดับขอบฟ้าและเทือกเขาให้งดงาม แม่น้ำเปล่งประกายล้อแววแดด
เก้าอี้แอบอิงโต๊ะไม้สักราวพักเหนื่อย จากค่ำคืนจวบจนรุ่งสาง และเมื่อยามเช้ามาเยือนอีกครั้ง มวลชีวิตตื่นฟื้นจากหลับฝัน เปล่งประกายพลังภายในตน

เช่นเดียวกับเก้าอี้และโต๊ะไม้ ฟื้นตื่นสู่ความมีชีวิตชีวา ประดับประดาด้วยแจกันดอกหญ้า กระถางผักแว่น กระบอกไม้ไผ่สานลวดลายใส่กระดาษทิชชู่ และที่เขี่ยบุหรี่ดินเผา

เก้าอี้และโต๊ะไม้สักสงบนิ่งรอคอย ผู้รักในกลิ่นรสหอมกรุ่นของกาแฟสด ผู้รักในรสกลิ่นแห่งจินตนาการของโลกวรรณกรรม และผู้พร้อมเปิดเผยความงามในส่วนเสี้ยวแห่งความทรงจำ

นั่งลงสิ เราพร้อมแล้วที่จะรับฟังเรื่องราวของคุณ

ในยามที่แสงแดดอ่อนจางทาบทอเผยลวดลายเนื้อไม้อ่อนช้อย เผยปุ่มตาซึ่งครั้งหนึ่งเคยผลิแตกช่อใบ และเผยความทรงจำแห่งชีวิต

นั่งลงสิ แล้วเราจะเล่าให้คุณฟัง.

วันพุธที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

เสียงน้ำและความเงียบงัน ๔

ดอกเสี้ยว


ต้นเสี้ยวที่ขึ้นอยู่หน้าร้านกาแฟ แตกกิ่งแตกก้านเบิกบานอยู่ในแสงแดดอบอุ่นของยามเช้า สายลมหนาวพัดเข้ามาเพียงแผ่วเบา โยกไกวเริงล้อกับช่อดอกสีม่วงอ่อนจาง และช่อใบสีเขียวละมุน ให้ระบัดพลิ้วเริงร่า เหมือนเกลียวคลื่นไล่ล้อกันไปมาระหว่างสองฟากฝั่งน้ำ

ฉันเฝ้ามองการโรยร่วงของดอกเสี้ยว เกลื่อนกระจายเต็มลานพื้น บนโต๊ะ บนเก้าอี้ไม้ บนจานรองแก้วกาแฟ การหล่นร่วงอันงดงาม

เช่นเดียวกับวันวัยอันงดงามของชีวิตที่ค่อยๆ หล่นร่วง เลือนลับหายไป.

วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

เสียงน้ำและความเงียบงัน ๓


ภาคแรก: ฤดูหนาว ๒๕๔๖

ร้านนาคา



วันนี้ฉันมาเปิดร้านกาแฟแต่เช้า นับเป็นวันแรกของการเปิดทดลองขายกาแฟ หลายสิ่งหลายอย่างยังไม่ค่อยเรียบร้อยอย่างที่ควรเป็นนัก หากทว่าต้องรอให้ทุกอย่างเรียบร้อยลงตัว คงใช้เวลาอีกยาวนานกว่าเศษเสี้ยวแห่งความฝันจะเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา

แม่น้ำโขงไหลเรียบเรื่อยในบรรยากาศยามเช้าของฤดูหนาว สายลมพราวพรูบางเบา ฉันนั่งลงเขียนบันทึกอีกครั้ง หลังการเดินทางอันยาวไกล ชีวิตควรจะได้หยุดนิ่งอีกครั้ง เพื่อเพ่งพินิจถึงหลายสิ่งหลายอย่างที่ล้วนผ่านเลยไปโดยไม่หวนคืนกลับมา

จวบจนเย็นย่ำ ภาพแม่น้ำยังทอดอยู่เบื้องหน้า เรือโดยสารล่องกลับมาจากหลวงพระบาง เสียงเครื่องยนต์ครางกระหึ่ม เสียงเกลียวน้ำม้วนตัวเข้ากระทบริมฝั่งระลอกแล้วระลอกอีก ก่อนจางหายในความเงียบงันของยามพลบค่ำ

ความมืดโรยตัวอย่างช้าเชือน คลี่คลุมแผ่นดินสองฟากฝั่งลำน้ำโขง.

วันศุกร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

ลอยไปกับสายน้ำ ๓

วุฐิศานติ์ จันทร์วิบูล

แม่น้ำสีคราม
หนึ่ง
การเดินทางเริ่มต้นขึ้นในเช้าวันที่แจ่มใส ท้องฟ้าสะอาดปราศจากหมู่เมฆ หรือแม้แต่ริ้วรอยใด สายลมแผ่วจางชวยชื่นทำให้บรรยากาศยามเช้าหอมหวานอย่างประหลาด ฉันหวนคิดถึงความใฝ่ฝันใคร่ได้ไปเยี่ยมเยือน ดินแดนริมฝั่งแม่น้ำโขงในเสียงพิณแคนของบทเพลงพื้นบ้าน บทเพลงที่เดินทางเข้าสู่หัวใจของฉันได้โดยปราศจากการแบ่งแยกใดใด

จากดินแดนริมฝั่งแม่น้ำโขง เราเดินทางมุ่งหน้าสู่ดินแดนแห่งแม่น้ำโขง จากตำนานของปู่ละหึ่งเราเดินทางเข้าสู่ตำนานแห่งพญานาคา

ในเช้าวันที่อากาศแจ่มใส ถนนสีเทาทอดยาวออกไปราวกับไม่สิ้นสุด เชื่อมต่อเขตแดนแห่งเทือกเขาสูงสู่เขตแดนแห่งเทือกเขาสูง ไต่ไปตามสันเขาเทือกหนึ่งสู่สันเขาอีกเทือกหนึ่ง ก่อนเลื้อยลงสู่แอ่งสกลนคร และลุ่มน้ำสงคราม

ลุ่มน้ำสงครามมีเทือกเขาภูพานเป็นสันปันน้ำอยู่ทางทิศใต้ มีพื้นที่รับน้ำฝน 12,637 ตารางกิโลเมตร ในจังหวัดอุดร หนองคาย สกลนครและนครพนม ด้วยความยาว 420 กิโลเมตร

เรามาถึงอำเภอศรีสงครามใกล้เที่ยงคืนแล้ว หลังจากเติมท้องให้อิ่มอุ่น เราต่างเลือกที่จะทิ้งตัวลงในอ้อมกอดของโรงแรมเล็กๆ แห่งหนึ่งหน้าสถานีขนส่ง ปล่อยให้ค่ำคืนที่เหลือช่วยผ่อนคลายความเหนื่อยอ่อนจากการเดินทาง

ลุ่มน้ำสงครามเป็นลำน้ำสาขาสายหนึ่งของแม่น้ำโขง ชาวบ้านแถบต้นน้ำสงครามเล่าประวัติและ ความหมายของแม่น้ำสงครามจากตำนานสังข์สินไชย ตำนานกล่าวกันว่า พระราชธิดาของพระยาขอมได้ออกประพาสป่ากับเหล่าทหารและข้าราชบริพาร ระหว่างทางได้นอนหลับอยู่กลางป่า ขณะเดียวกันมีพญายักษ์ตนหนึ่งออกหาอาหาร และได้มาพบนางเข้าจึงเกิดหลงใหลในความงาม พญายักษ์จึงใช้มนต์สะกดให้ทหารหลับใหล จากนั้นจึงอุ้มนางไปซ่อนไว้ในถ้ำแห่งหนึ่ง ฝ่ายพระยาขอมเมื่อรู้ว่าพระราชธิดาหายไป จึงรับสั่งให้พระสังข์ทอง พระสินไชย และพระสีโหออกติดตามจนพบ จนเกิดทำสงครามกันขึ้นระหว่างมนุษย์กับยักษ์ ในบริเวณภูผาเหล็ก และภูผาหัก จนเกิดร่องน้ำกลายเป็นต้นน้ำสงคราม

ในบางความหมายมาจากภาษาอีสาน “สงคาม” แปลว่า ป่าคาม คือต้นคาม พืชพุ่มทรงเตี้ยใช้สำหรับย้อมผ้า หมู่บ้านภูตะคามซึ่งตั้งอยู่ต้นแม่น้ำสงคราม ชาวบ้านนิยมปลูกคามและย้อมผ้า บ้างก็ว่ามาจากคำว่า “ก่าม” ซึ่งกร่อนรูปมาเป็น คาม คือต้นก่ามที่ขึ้นอยู่มากริมแม่น้ำสงคราม เป็นพืชพุ่มเตี้ยใบใช้กินได้
ภายในงานมหกรรมปลาลุ่มน้ำสงคราม มีการจัดนิทรรศการของแต่ละตำบล มีงานออกร้าน มีการประกวด แข่งขัน และการแสดงบนเวที ตลอดจนมีการจัดเสวนาในหัวข้อ “สิทธิชาวบ้านในการจัดการลุ่มน้ำสงครามของหมู่เฮา”

สอง


ยามเย็นช่างเงียบสงบงดงามไม่แตกต่างจากความสลัวรางของยามเช้า ในขณะที่ความมืดค่อยๆ เลือนหายจากขอบฟ้า คลายโอบกอดจากค่ำคืนอันหนาวเย็น สายลมหอบไอชื้นจากแม่น้ำขึ้นมาอวลในอากาศหอมชื่น ภาพของแม่น้ำสีครามค่อยๆ สว่างเรืองขึ้นจากแสงแห่งดวงตะวันยามเช้า ในขณะที่ภาพของยามเย็น แม่น้ำเริ่มสลัวรางในม่านหมอกบางเบา เรือหาปลาของคนเฒ่าล่องลับหายไปจากโค้งน้ำ ปล่อยให้ความมืดคลี่คลุมอย่างช้าเชือน แสงสุดท้ายเลือนหายจากขอบฟ้าคราม ค่ำคืนมาเยือนอย่างเงียบงัน

ในขณะที่ยามเช้านำพาชีวิตสู่การตื่นฟื้นขึ้นมาพร้อมกับดวงอาทิตย์อันอบอุ่น ยามเย็นกลับนำพาเราสู่การผ่อนพักหลับไหลในค่ำคืนยาวนาน เพียงเพื่อให้เราได้ชื่นชมความงามของยามเช้าอีกครั้งหนึ่ง หรืออาจเพียงเพื่อให้เราได้รู้จักชื่นชมกับความงามของชีวิต

หากทว่าแม่น้ำสงคราม ไม่ว่าห้วงยามใดบนรอยต่อของทิวาและราตรี ภาพของแม่น้ำช่างเงียบสงบและงดงามด้วยสีคราม ดุจดังกระจกเงาที่ส่องสะท้อนซึ่งกันและกันระหว่างท้องฟ้าหรือผืนน้ำ สมดั่งสีคราม

สาม
ยามบ่ายที่ร้อนอบอ้าว สายลมเย็นจากแม่น้ำช่วยทำให้เรารู้สึกสดชื่นยิ่งขึ้น เมื่อเราเดินทางมาถึงปากแม่น้ำสงคราม ที่ไหลบรรจบรวมแม่น้ำโขงที่หมู่บ้านไชยบุรี ภาพของแม่น้ำสองสีที่ไหลรวมกลับกลายเป็นแม่น้ำสีเดียวกัน จากสีครามใสหลอมรวมอยู่ในความขุ่นข้น ภาพของแม่น้ำสองสายกลับกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน มันทำให้ฉันนึกถึงคำพูดของผู้เฒ่าคนหนึ่ง “แม่น้ำโขงตาย แม่น้ำสงครามตาย”

แม่น้ำโขงช่วงนี้ช่างกว้างใหญ่ ฟากฝั่งตรงข้ามช่างห่างไกล ฉันเหม่อมองไกลไปจนสุดสายตา ภาพ แม่น้ำสว่างเรืองตรงเส้นขอบฟ้า หรือว่านั่นคือสุดขอบโลก เราไม่อาจคาดเดาได้เลยว่า ไกลจากสุดขอบโลกออกไป ภาพของแม่น้ำโขงที่ฉันเริ่มหลงรักนี้มีหน้าตาเป็นเช่นไร

ภาพแม่น้ำโขงกว้างใหญ่ ไร้เกาะแก่งและหินผา ทำให้ฉันหวนนึกกลับไปถึงแม่น้ำช่วงตอนบนที่กำลังถูกรุกรานอย่างหนัก การสร้างเขื่อนขวางกั้นแม่น้ำโขงในประเทศจีน การระเบิดเกาะแก่งหินผากลางลำน้ำเพื่อ ปรับปรุงร่องน้ำสำหรับการเดินเรือพานิชเพื่อการค้าของจีน

นับกี่ร้อยปีมาแล้ว แม่น้ำกี่ร้อยกี่พันสายทั่วโลกยังคงถูกกระทำชำเราไม่แตกต่างจากผู้คนพื้นเมืองของแผ่นดิน ไม่แตกต่างจากแม่น้ำสายนี้ แม่น้ำโขงที่ฉันเริ่มหลงรัก

“แม่น้ำโขงตอนบนถูกทำลาย แม่น้ำโขงตอนล่างตาย”

สี่
ค่ำคืนอันสงบเย็น ลมหนาวเริ่มพัดโชยบางเบาหอมหวาน คลื่นแม่น้ำก่อระลอกม้วนตัวเข้าหาชายฝั่ง ท้องฟ้า โปร่งเข้มด้วยสีน้ำเงิน เสี้ยวจันทร์และดวงดาววับแวมสวยงาม ไม่แตกต่างจากภาพแม่น้ำยามค่ำคืน แสงไฟตามบ้านเรือนริมฝั่งส่องสะท้อนวอมแสงบนผืนน้ำราวกับกลุ่มดวงดาวบนท้องฟ้า

เราเดินทางเลาะเรื่อยขึ้นมาตามริมฝั่งแม่น้ำโขง ราวการสำรวจเส้นทางเพื่อค้นหาบางสิ่งบางอย่างที่ฝังลึกอยู่ในหัวใจ หัวใจของผู้คนริมฝั่งลำน้ำ หรือหัวใจของแม่น้ำ จะแตกต่างกันอย่างไร หากหัวใจดวงใดดวงหนึ่งถูกทำร้าย หัวใจของแม่น้ำเจ็บปวด หัวใจของผู้คนริมฝั่งโขงย่อมเจ็บปวดรวดร้าว

หัวใจของผู้คนที่อาศัยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขงนับแสนนับล้านคนรวมอยู่ที่นี่ ในหัวใจของแม่น้ำ

ฉันอำลาผู้คนริมฝั่งแม่น้ำโขงบนแผ่นดินอีสานมาอย่างเงียบๆ แม้ผู้คนบนแผ่นดินแห่งนี้จะไม่เคยรับรู้การมีอยู่ของฉัน หากทว่า ฉันรับรู้การมีอยู่ของพวกเขาตลอดไป.

พิมพ์ครั้งแรก Mekong post ฉบับคิดถึงปลาบึก ๒๕๔๙

วันอังคารที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

เสียงน้ำและความเงียบงัน ๒

บันทึกเชียงของ

เมื่อเอ่ยถึงเชียงของ หลายคนคงคิดถึงเมืองริมฝั่งแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นเมืองชายแดนที่นักท่องเที่ยวมาเยือนก่อนเดินทางเข้าสู่ลาวเหนือและหลวงพระบาง

เชียงของเป็นเมืองเล็กๆ ในจังหวัดเชียงราย มีแม่น้ำโขงไหลแบ่งเป็นเส้นพรมแดนไทย-ลาวตอนเหนือ หลายคนที่ต้องมนตร์เสน่ห์แห่งเชียงของคงมิใช่เพราะเชียงของเป็นสะพานข้ามไปสู่ประเทศลาวเท่านั้น แต่เป็นเพราะความสงบเงียบของเมืองริมฝั่งแม่น้ำโขง ความงดงามของเกาะแก่งหินผาในแม่น้ำโขง และวิถีชีวิตอันเรียบง่ายของผู้คนที่นี่ รวมถึงความมีน้ำใจไมตรีของพวกเขา

ฤดูกาลหมุนเวียนอยู่ที่นี่ เมื่อถึงฤดูฝน ชาวไร่ชาวนาเริ่มทำงานในไร่นาของตน ชาวประมงลงเรือหาปลาในแม่น้ำโขง เพราะเป็นช่วงที่ปลาเดินทางทวนน้ำขึ้นมาเพื่อหาที่วางไข่ และจะอพยพกลับเมื่อระดับน้ำลดลงในช่วงฤดูหนาว เรียกได้ว่า ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ในป่ามีพืชผักเห็ดหน่อไม้ให้เก็บกิน ครั้นถึงฤดูหนาว ระดับน้ำโขงเริ่มลดลง ชาวบ้านจะลงมาปลูกพืชผักริมฝั่งแม่น้ำโขง แม่น้ำจะเริ่มงดงามในช่วงนี้เพราะน้ำลดระดับลงมากจนเห็นหินงามน้ำใส สายไกสีเขียวไหวพลิ้วราวแพรไหมงอกงามตามหินตามผาและหาดหินที่แสงแดดส่องถึง ชาวบ้านจะลงมาเดินเก็บไกอยู่ตามหาดหินในทุกๆ เช้า เช่นเดียวกับชาวประมงยังคร่ำเคร่งลอยเรือไหลมองของตน

ครั้นเมื่อดอกซอมพอแย้มบานในหน้าร้อน เด็กๆ ต่างเฝ้ามองนกนางนวลเหนือเส้นขอบฟ้า และรอคอยฝูงปลาบึกเดินทางออกจากวังบาดาลขึ้นมาวางไข่ตามห้วงน้ำลึกเหนือเมืองขึ้นไป เด็กๆ และคนหนุ่มสาวจะลงมาเล่นน้ำในแม่น้ำโขง ช่วงนี้ยังมีงานปีใหม่เมือง งานบวงสรวงเจ้าพ่อปลาบึก และงานบวงสรวงเจ้าพ่อผาถ่านอันเป็นประเพณีสืบทอดต่อกันมาของผู้คนริมฝั่งแม่น้ำโขง

นอกจากนี้ เชียงของยังมีร้านกาแฟเล็กๆ แห่งหนึ่งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง และนี่คือเรื่องราวของเมืองเชียงของ เป็นบันทึกจากร้านกาแฟที่ว่านี้


วันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

เสียงน้ำและความเงียบงัน ๑


คำนำ

ในร้านกาแฟเล็กๆ ริมฝั่งโขง



เมื่อสายลมฤดูหนาวมาเยือน ทุกๆ เช้า ฉันชอบขี่รถจักรยานมายังร้านกาแฟแห่งหนึ่ง เป็นร้านกาแฟเล็กๆ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง ร้านกาแฟถูกตกแต่งอย่างเรียบง่าย มีบรรยากาศอันน่ารื่นรมย์ด้วยสายลมโชยพลิ้ว มีเสียงเพลงไพเราะ มีหนังสือให้หยิบออกมานั่งอ่านบนโต๊ะไม้ใต้เงาเสี้ยวซึ่งกำลังผลิดอกสีชมพูม่วงอ่อนหวาน

หนุ่มผู้ดูแลร้านออกตัวว่า เขาไม่ใช่เจ้าของร้าน เขาเป็นแค่เพียงคนชงกาแฟเท่านั้น แม้เขาจะดูเงียบๆ พูดน้อย แต่เขากลับมีเรื่องเล่ามากมายเกี่ยวกับผู้คนของที่นี่

ท่วงท่าการกลั่นชงกาแฟของเขาดูกลมกลืนและเป็นหนึ่งเดียวกับร้าน เคลื่อนไหวในท่วงทำนองอันผ่อนคลาย ราวกับเขาเป็นส่วนหนึ่งของร้านกาแฟ หากไม่มีเขาอาจจะไม่มีร้านกาแฟ และหากไม่มีร้านกาแฟ ก็คงไม่มีเขาท่าทางของเขาทำให้ฉันนึกไปถึงร้านกาแฟเล็กๆ อีกแห่งหนึ่งในเมืองหลวง ฉันพบเจอร้านกาแฟแห่งนี้เมื่อหลายปีก่อน ฉันเรียกมันว่า “ร้านกาแฟแห่งความฝัน” มันเป็นเหมือนกับความฝันที่ถูกก่อร่างขึ้นร่วมกัน แม้เพียงเวลาไม่นานนัก ร้านนั้นจะปิดตัวลง แต่ฉันเชื่ออยู่เสมอว่า ความฝันนั้นไม่เคยมอดดับ

ฉันเชื่อว่า ร้านกาแฟเล็กๆ เหล่านี้ก่อเกิดขึ้นมาจากความฝัน หนุ่มสาวหลายคนใฝ่ฝันอยากมีร้านกาแฟเป็นของตัวเอง แต่จะมีใครสักกี่คนที่เดินทางมาถึงปลายทางแห่งความฝัน

ทุกๆ เช้า ฉันจึงมาเยือนร้านกาแฟแห่งนี้ ด้วยหลงรักในความสงบเงียบเรียบง่ายของร้าน หลงรักในเสียงเพลง รสอันหอมกรุ่นของชา กาแฟ และบรรยากาศริมฝั่งโขง เปล่าเลย ฉันมิได้ใฝ่ฝันอยากมีร้านกาแฟกับเขาดอก ฉันแค่ฝันอยากเขียนหนังสือดีๆ ให้ได้สักเล่มหนึ่งเท่านั้น

ฉันอยากให้หนังสือเล่มนั้นเรียบง่าย ส่งมอบความดีงามแก่คนอ่าน เช่นเดียวกับการมาเยือนของยามเช้า ดวงอาทิตย์สาดแสงแดดอันอบอุ่นแก่มวลชีวิต สายลมโชยชื่นเฝ้าคอยปลอบประโลม สายน้ำฉ่ำเย็นหลากไหลไปหล่อเลี้ยงผู้คน ต้นไม้แผ่ใบเอื้อร่มเงา หรือดั่งเช่นดอกหญ้าปรายยิ้มแด่คนพเนจร

อาจเช่นเดียวกับการผลิบานและร่วงโรยของดอกไม้ใบหญ้า ผลิบานแล้วร่วงโรย เพื่อผลิบานอีกครั้ง.