อิสรภาพ
ปลาเทพเจ้าตายเสียแล้วตอนบ่ายของวันนี้ ก่อนถูกปล่อยกลับคืนสู่แม่น้ำโขง
นับเป็นปลาเทพเจ้าตัวที่สองของปี ถูกจับได้เมื่อสองวันก่อน ชาวบ้านหาดไคร้ช่วยกันซื้อไถ่ชีวิต เพื่อปล่อยกลับคืนสู่ชีวิตตามธรรมชาติอีกครั้ง
สองวัน หนึ่งคืนในถุงตาข่ายแคบๆ ผูกติดไม้ไผ่ลอยน้ำ ผู้คนนับร้อยพากันมาดูปลาเทพเจ้า ทุกคนอยากรู้อยากเห็น อยากได้สัมผัส นักข่าวพากันมาถ่ายรูป ถ่ายวีดีโอ พวกเขาอยากได้รูปของท่านเต็มๆ ตัว หากแต่ไม่ยอมเข้าไปเห็นธรรมชาติของท่าน แต่ปรารถนาให้ยกชูปลาเทพเจ้าขึ้นมา
“ปลาเทพเจ้าตายเสียแล้ว” หญิงสาวคนหนึ่งเอ่ย เมื่อฉันมาถึง
ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยริ้วรอยของบาดแผล บาดแผลของการต่อสู้ดิ้นรนเพื่อการมีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง ต่อสู้ดิ้นรนให้พ้นจากพันธนาการ มันเป็นการต่อสู้กับจิตใจรักอิสระของตัวเอง เพื่อคืนสู่อิสรภาพ
ฉันได้แต่เฝ้ามองดูภาพเบื้องหลังแห่งการต่อสู้ในครั้งนี้ ฉันรู้เขาเป็นอิสระแล้ว ในขณะที่ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองถูกรัดรึงอยู่ในร่างตาข่ายจมอยู่ใต้กระแสน้ำเย็นยะเยือก เนื้อตัวของฉันเต็มไปด้วยริ้วรอยของบาดแผล และในที่สุดการดิ้นรนต่อสู้ของฉันก็จบลงเช่นเดียวกัน
ฉันรู้ ปลาเทพเจ้าเป็นอิสระแล้ว.
ชะตากรรมของปลาเทพเจ้า
ในยามเช้าของวันที่หม่นมัว ข่าวคราวปลาเทพเจ้าตัวแรกของปีแพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองเล็กๆ แห่งนี้
พิธีบวงสรวงเจ้าพ่อปลาบึกผ่านพ้นไปแล้ว ดอกซอมพอแย้มบานแล้ว นกนางนวลสามสี่ตัวโบยบินเหนือเส้นขอบฟ้า สัญญาณลึกลับของธรรมชาติ ชักนำปลาเทพเจ้าให้ออกจากวังบาดาล เดินทางไกลเพื่อสืบทอดเผ่าพันธุ์ของตน
ปีหนึ่งๆ ปลาเทพเจ้าสักกี่ตัวกัน รอดพ้นจากมองยักษ์ของชาวประมง ซึ่งเป็นเสมือนมือขนาดใหญ่คอยดักจับลูกหลานเผ่าพันธุ์ของปลาเทพเจ้า โอกาสที่จะได้ลืมตาชื่นชมโลกบาดาลเฉกเช่นบรรพบุรุษ ริบหรี่เหลือเกิน
กี่ร้อยกี่พันปีมาแล้ว ที่พวกเขาเดินทางไกลในสายน้ำแห่งนี้ ตลอดทั้งสายน้ำเปรียบดังอาณาจักร ทุกเส้นสาหร่ายที่ได้ดื่มกิน ทุกเกาะแก่ง ทุกคก ทุกวังบาดาลเคยเที่ยวเล่นหลับนอน บ้านของเรากำลังถูกพรากทำลาย เผ่าพันธุ์ของพวกเราถูกพรากให้สิ้นสลาย
ฉันเฝ้ามองปลาเทพเจ้าด้วยความท้อแท้สิ้นหวัง ร่างถูกผูกมัดกับลำไผ่ เชือกผูกร้อยทะลุเหงือก เลือดเข้มข้นลอยไปตามแม่น้ำ ฉันได้แต่คาดหวัง การเสียสละของเขาจะไม่สูญค่า ฉันได้แต่คาดหวัง
ฉันยืนหลับตานิ่ง มองเห็นตัวเองเดินลงน้ำ กอดปลาเทพเจ้าเอาไว้ในอ้อมแขน พร่ำขอโทษแทนเหล่ามนุษย์ผู้ไร้ค่าเช่นพวกเรา.