วันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2550

เสียงน้ำและความเงียบงัน ๒๗

ละครเงา

ความมืดโรยตัวอย่างอ้อยอิ่งโอบคลุมท้องฟ้าและสายน้ำกว้าง เด็กๆ ห้อมล้อมเข้ามาเฉกเช่นความมืด ส่งเสียงพูดคุยและหัวเราะ เด็กกลุ่มหนึ่งคือนักแสดง และเด็กอีกกลุ่มคือผู้ชม การแสดงละครหุ่นเงากำลังจะเริ่มขึ้นในไม่ช้า

ท้องฟ้าสีนิลขับดวงดาวสีเงินให้สุกสกาว สายลมชื้นแห่งค่ำคืนโชยผ่านเล่นล้อกับผืนผ้าเล็กๆ พลิ้วไหว ทั้งห้าผืน เด็กนั่งห้อมล้อมเป็นวงกว้างหน้าผืนผ้าซึ่งถูกแปลงเป็นจอหนังอันสุกสว่างด้วยดวงไฟ รอบข้างมืดสนิท มีเพียงแสงเรืองวาวจากดวงตาตื่นเต้น และอยากรู้อยากเห็น

“บ้านหลังหนึ่งกำลังย่างปลาไว้ในเตา เจ้าแมวออกอุบายให้หมาเอาข่าย่างปลาออกจากเตา แล้วตัวเองกินปลาจนหมด พอเจ้าหมารู้ว่าแมวกินปลาจนหมด หมาจึงไปฟ้องเจ้านาย เจ้านายโกรธมากจึงไล่ตีแมว”

“ตายายคู่หนึ่งอยากมีลูก จึงไปบนบานสานกล่าวกับต้นไทรใหญ่เพื่อขอลูก ระหว่างทางกลับบ้าน ตายายได้พบเด็กชายคนหนึ่ง จึงพากลับมาเลี้ยงดู วันหนึ่งขณะที่ตายายพาเด็กชายไปหาปลา เด็กลงเล่นน้ำและกลับกลายร่างเป็นพญานาค ตายายรู้สึกเกรงกลัวจะไปพาชาวบ้านมา หลังจากนั้นจึงไม่มีใครพบเห็นพญานาคอีกเลย”

“มีแม่ลูกคู่หนึ่ง ลูกอยากได้ห่วงยางแต่แม่ไม่มีเงินซื้อให้ วันหนึ่งลูกออกไปเล่นน้ำและจมน้ำหายไป แล้วมีชายคนหนึ่งช่วยเด็กน้อยขึ้นมาจากน้ำ ก่อนดำน้ำหายไป แม่ดีใจมากที่เห็นลูกยังมีชีวิตอยู่”

“ในงานลอยกระทง มีการประกวดนางนพมาศ ขณะที่นางงามแต่ละคนนั่งกระทงล่องแม่น้ำโขงมาถึงบริเวณผาถ่าน กระทงเกิดพลิกคว่ำ นางงามสามคนขึ้นจากน้ำได้ แต่นางผมหอมจมน้ำหายไป ฝรั่งนักประดาน้ำจึงลงไปช่วยนางผมหอมขึ้นมา ทั้งสองเกิดรักกันและแต่งงานกัน”

“มีหญิงสาวสองคนเป็นเพื่อนกัน ทั้งคู่ไปเที่ยวป่า และนัดกันว่าหากเกิดหลงทางให้ไปพบกันที่ภูเขาแห่งหนึ่ง ทั้งสองเดินเที่ยวป่าจนเพลินเข้าไปในป่าช้า และได้เจอผี ต่างจึงวิ่งหนีผีและเกิดพลัดหลงกัน คนหนึ่งไปถึงแม่น้ำ อีกคนไปพบกระต่ายป่า และต่างนึกถึงภูเขาแห่งที่นัดหมาย หญิงสาวทั้งสองจึงมาพบกันและพากันกลับบ้าน”

แต่ละเรื่องราวถูกเอ่ยเล่าขับขานผ่านเด็กน้อยทั้งห้ากลุ่ม แต่ละคนต่างช่วยกันเล่าเรื่องราวของตน แต่ละคนช่วยกันเชิดหุ่นกระดาษที่ช่วยกันประดิษฐ์ขึ้น เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้กับบรรดาเพื่อนๆ และผู้ที่นั่งชมอยู่ หน้าจออย่างใจจดใจจ่อ เฝ้ารอชมการเริงเล่นระหว่างแสงและเงา

จนทำให้ฉันอดคิดถึงค่ำคืนภายใต้แสงตะเกียงมิได้ ภายใต้แสงสลัวรางของตะเกียง หลายครั้งเราพบว่า เรื่องเล่าได้ถือกำเนิดจากเงาสลัวรอบเรืองแสงแห่งตะเกียง และเช่นเดียวกับพวกเราเด็กๆ นั่งอยู่ในวงแสงอันอบอุ่นนี้ มีรอยยิ้มบนดวงหน้าและแววตาฟุ้งฝัน ค่ำคืนนี้ก็ไม่แตกต่างกัน

เสียงตบมือดังกึกก้องพร้อมด้วยเสียงหัวเราะหยอกล้อ เมื่อแต่ละเรื่องเล่าจบลง กลุ่มผู้ชมต่างย้ายไปยัง หน้าจอผ้าที่มีแสงสลัวราง เรืองรองด้วยหุ่นเงาอันเคลื่อนไหวได้ราวกับมีชีวิต.

วันพุธที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2550

เสียงน้ำและความเงียบงัน ๒๖

นกนางนวล

ชาวบ้านบางคนบอกว่า ในฤดูกาลที่น้ำโขงใสจนมองเห็นกรวดหินใต้ธารน้ำ ไกเริงร่ายส่ายไหวราวเส้นไหมสีเขียว เด็กๆ ต่างเฝ้ามองดูเส้นขอบฟ้า เฝ้ารอฝูงนกนางนวลอยู่ริมฝั่งน้ำ สดับฟังเสียงร้องเรียกเพรียกหาจากขอบฟ้าไกล

ฝูงนกนางนวลมาตรงเวลาเสมอ ร่อนถลาเหนือเวิ้งน้ำกว้าง ส่งเสียงพร่ำเพรียกเรียกหาอยู่เช่นนั้น เสียงร้องของมันปลุกชาวเมืองให้ออกมาเฝ้ามองอย่างชื่นชม พวกเด็กๆ โห่ร้องอย่างดีใจ วิ่งลงมายังฝั่งน้ำ หรือเจ้านางนวลรู้ว่า ชาวเมืองเฝ้ารอคอยการมาเยือนของพวกมันอยู่ทุกปี

เพียงไม่นาน หลังจากการมาเยือนของฝูงนางนวล ฝูงปลาใหญ่แหวกว่ายทวนน้ำขึ้นมาตามเสียงเพรียกร้องของฝูงนก เริงเล่นน้ำอยู่ตามหาดหินอันนุ่มนวลด้วยแพรไหมสีเขียว ป่วนปั่นผืนน้ำจนแตกซ่านกระเซ็น

หลายปีมาแล้ว ชาวเมืองต่างรอคอยวันคืนของอดีต เพื่อย้อนทวนความทรงจำ เด็กๆ เฝ้ามองดูเส้นขอบฟ้าอยู่ริมฝั่งน้ำ ไม่มีวี่แววของฝูงนกนางนวล ไม่มีวี่แววของฝูงปลาใหญ่

พิธีบวงสรวงปลาใหญ่เริ่มขึ้นอย่างเงียบเหงาหัวใจ หลงเหลือเพียงตำนานขานเล่าถึงฝูงนกนางนวลและฝูงปลาใหญ่ หรือจะเป็นเพียงแค่คำบอกเล่าถึงเรื่องราวที่กำลังเลือนหาย.

วันอังคารที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2550

แนะนำหนังสือ



แนะนำหนังสือ
รวมเรื่อง (โคตร) สั้น “ภาพร่างของความหลับ”
คุณชอบอ่านหนังสือประเภทไหน? เบาบางอย่างไร้สาระ หวานปนเศร้าอย่างงานเกาหลี หรืองานประเภท “ทำให้เรารู้สึกเหมือนโดนทุบหัว” อย่างที่นักเขียนชาวเยอรมัน นาม ฟรันซ์ คาฟกา กล่าว ถ้าหากตัวเลือกของคุณเป็นอย่างที่คาฟกากล่าวแล้วละก็หนังสือ “ภาพร่างของความหลับ” ผลงานเล่มแรกของนักเขียนหนุ่ม “สุขพงศ์ คหวงศ์อนันต์ “ ก็ไม่น่าทำให้คุณพลาดได้
“ภาพร่างของความหลับ” เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้น 62 เรื่อง ที่จะพาคุณเปิดโลกทัศน์ ความคิดและมุมมองใหม่ๆ อย่างที่ไม่มีอ้างอิงและไม่สามารถอ้างอิงได้จากในตำราที่คุณเรียนมา
ฉะนั้น... อย่าหวาดกลัวถ้าหนังสือเล่มนี้จะทำให้คุณรู้สึกเหมือนโดนทุบหัว... อย่างแรง!

“ภาพร่างของความหลับ” สุขพงศ์ คหวงศ์อนันต์ : เขียน I สำนักพิมพ์ง่ายงาม : พิมพ์ครั้งแรก
จำนวน 192 หน้า ขนาดพ๊อกเก็ตบุ๊ค ปก 4 สี กระดาษปก ปอนด์วาดเขียน 100 แกรม
ราคา 150 บาท I สายส่งศึกษิต 022-259-536-40 I สั่งซื้อโดยตรง :
http://us.f385.mail.yahoo.com/ym/Compose?To=ngaingam_art@lycos.com หรือติดต่อ 087-778055

เสียงน้ำและความเงียบงัน ๒๕

พิธีบวงสรวง

ยามเช้าถือกำเนิดที่ริมขอบฟ้า เอิบอาบแผ่นดินโลกให้อบอุ่น สดกระจ่างด้วยแสงแดดร้อนแรง

เครื่องเซ่นไหว้บวงสรวงตระเตรียมไว้พร้อมเสร็จสรรพ ทั้งดอกไม้ธูปเทียน น้ำส้มป่อย ไก่ หัวหมู อาหารคาวหวาน และเหล้าพื้นเมือง

ชาวบ้านช่วยกันถือเครื่องบวงสรวงจากศาลาท่าเรือวัดหลวง เดินลงเนินขึ้นไปยังผาถ่าน ศาลเจ้าพ่อตั้งเด่นสง่าสะท้อนประกายแดด ผาถ่านเต็มไปด้วยตะปุ่มตะป่ำของหินสีดำ มองดูราวกับภูเขาถ่านขนาดใหญ่ ชาวบ้านจัดวางเครื่องบวงสรวง พิธีกรรมเริ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ชาวบ้านต่างจุดธูปขอพรให้เจ้าพ่อปกปักรักษาแม่น้ำโขง

วงสะล้อขับกล่อมบรรเลงบทเพลงล้านนาเพิ่มเติมสีสัน ในขณะที่เรื่องเก่าเล่าขานถูกเผยผ่านริมฝีปากจากที่นั่นที่นี่ บางว่าปู่ละหึ่งผู้เป็นบรรพบุรุษของผู้คนริมฝั่งแม่น้ำ ได้คอนถ่านใส่กระบุงไปขายทางทิศเหนือ เนื่องจากถ่านหนักมากจึงทำให้ไม้คานหัก ถ่านตกเกลื่อนกระจายริมฝั่งน้ำจนเกิดเป็นเกาะแก่งหินผามากมายในแม่น้ำ และผาถ่านโขดนี้เป็นถ่านก้อนหนึ่งที่ปู่ละหึ่งได้ทำตกไว้

บางคนได้เล่าว่า ใต้ผาถ่านแห่งนี้มีถ้ำของพญานาคอยู่ ครั้งหนึ่งมีประกวดนางนพมาศ มีการแห่นางงามทางเรือผ่านผาถ่าน เรือเกิดล่ม นางงามคนหนึ่งจมหายไป จากนั้นมีชาวบ้านมาพบนางงามคนนี้ในวังน้ำบริเวณผาถ่าน ทุกคนเชื่อว่าพญานาคได้ช่วยนางไว้

อีกบางคนเล่าว่า สมัยก่อนนั้น บริเวณแถบนี้เคยเป็นแดนประหารนักโทษของเมืองโบราณ

ทุกเรื่องราวถูกกล่าวขานถ่ายทอดจากคนรุ่นหนึ่ง สู่คนอีกรุ่นหนึ่ง ตราบที่ผู้คนยังเชื่อและศรัทธาในสิ่งที่ยัง ฝังลึกในหัวใจของทุกคน เรื่องเล่าจะยังคงอยู่เช่นเดียวกับความเชื่อและศรัทธา.

วันอังคารที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2550

เสียงน้ำและความเงียบงัน ๒๔

วันปีใหม่

บ่ายวันนี้ พวกเราชักชวนกันมาเล่นน้ำหน้าบ้านพี่ดา มีน้องน้ำหวาน น้องมิ้น ลูกสาวสองคนของพี่ผึ้ง มีกิ๊บหลานพี่ดา แป้ง อาทิตย์ และฉันซึ่งดูเหมือนจะเป็นเด็กโข่งที่สุดในกลุ่ม

อาวุธของพวกเราพร้อมแล้ว ถังและกะละมังใส่น้ำ ขันและกระป๋องใบเล็กๆ รถกระบะวิ่งผ่านไปมาอยู่ตลอดเวลา ท้ายรถกระบะแต่ละคันเต็มไปด้วยเด็กหนุ่มเด็กสาว ทุกคนมีอาวุธพร้อมอยู่ในมือสำหรับสาดความชุ่มเย็นให้แก่กัน

เมื่อรถแต่ละคันวิ่งผ่าน ฉันจะออกไปยืนโบกรถให้ชะลอจอดด้วยรอยยิ้ม จากนั้นพวกเราจึงสาดน้ำใส่กันอย่างสนุกสนาน บางครั้งมีรถมอเตอร์ไซค์ผ่านมา เราจะโบกให้จอด และรถน้ำบนหัวไหล่ของพวกเขา หากรถคันไหนวิ่งมาเร็วๆ เราจะเอามือวักเม็ดน้ำสาดพอเป็นพิธี บางครั้ง เราจะวิ่งข้ามถนนไปเล่นน้ำกับเด็กๆ สี่ห้าคนกับหญิงสาวคนหนึ่ง เราต่างสาดน้ำกันเองอย่างสนุกสนาน

บางครั้งมีผู้เฒ่าผู้แก่เดินผ่านมา เราจะเข้าไปขอรดน้ำ ผู้เฒ่าผู้แก่จะเอ่ยให้พรแก่พวกเรา เช่นเดียวกับชาวต่างประเทศที่เดินผ่านไปมา เราจะเข้าไปขอรดน้ำอย่างสุภาพ พวกเขาจะยิ้มให้ พวกเขาคงนึกอยากเล่นน้ำกับพวกเราด้วย

เราเล่นน้ำกันจนถึงเย็น บางทีเราเล่นน้ำกับเด็กๆ ที่รู้จัก ซึ่งออกมาตั้งด่านกันบนถนน สาดน้ำกันและกัน หยอกล้อและหัวเราะ

ช่วงเย็นมีขบวนแห่พระพุทธรูปของแต่ละวัดในหมู่บ้านผ่านมาตามถนนสายกลาง พวกเรามายืนรอสรงน้ำพระอยู่ริมถนน ขอน้ำหยาดจากผู้เฒ่าผู้แก่ และรดน้ำผู้ใหญ่ที่อยู่ใกล้ๆ พร้อมกับขอพรปีใหม่

ค่ำคืนมาเยือนอย่างเชื่องช้า แสงสว่างค่อยๆ เลือนหายไปจากท้องฟ้า ความมืดมาเยือนอย่างเงียบงัน วันปีใหม่กำลังจะหมดลงแล้ว ขณะที่เสียงสรวลเสเฮฮายังดังอยู่ทั่วทั้งหมู่บ้าน.

วันจันทร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2550

เสียงน้ำและความเงียบงัน ๒๓

เรือแข่ง

เทศกาลรื่นเริงแห่งฤดูร้อนกำลังจะมาถึง บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขงจึงคราคร่ำไปด้วยเด็กๆ ที่มาเล่นน้ำ ผู้คนที่มาดูการซ้อมแข่งเรือที่กำลังจะมีขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

เสียงผู้คนเอะอะกันอยู่ริมท่าน้ำ บรรดาฝีพายของแต่ละหมู่บ้าน พาเรือพายทวนเลียบฝั่งแม่น้ำขึ้นไปยังท่าเรือสินค้า และจ้ำพายล่องกลับไปยังผาถ่าน เสียงเป่านกหวีดดังให้จังหวะ เสียงร้องออกแรงดังจากลำคอ เสียงน้ำแตกกระจายเมื่อใบพายถูกจ้วงลึกอย่างพร้อมเพรียง เรือเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ผู้คนบนฝั่งส่งเสียงเอาใจช่วย

ทุกๆ เย็น ฝีพายของแต่ละหมู่บ้านจะมารวมกันอยู่ริมฝั่งน้ำ เพื่อฝึกซ้อมความพร้อมเพรียงของฝีพาย ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ทั้งเรือขนาดสิบฝีพาย และยี่สิบห้าฝีพาย โดยมีเรือของหมู่บ้านขับตามคอยช่วยเหลือระวังภัยอยู่ตลอดเวลา

นักกีฬาทุกคนเฝ้าฝึกซ้อมอย่างแข็งขัน รอคอยการแข่งขันที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่ช้า.

วันอังคารที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2550

เสียงน้ำและความเงียบงัน ๒๒

แม่น้ำฤดูร้อน

ยามบ่ายคล้อย ท้องฟ้าสดกระจ่าง ลมนิ่งสงบ แม่น้ำไหลเอื่อย เสียงของเด็กๆ ดังขึ้นจากที่ใดที่หนึ่ง ใกล้เข้ามาและเงียบหาย

อย่างเงียบงัน เด็กชายคนหนึ่งนั่งบนราวบันไดเหล็ก แล้วปล่อยตัวลื่นไถลลงมาจนถึงบันไดขั้นสุดท้าย เขากระโดดลงและยืนยิ้ม มองดูเพื่อนๆ ที่กำลังปล่อยตัวเองลื่นไถลลงมา เสียงของพวกเขาดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง พากันเดินข้ามถนนไปยืนมองดูระดับน้ำที่สูงมากขึ้นจากวันวาน พวกเขาเดินเข้ามาซื้อขนมคนละห่อสองห่อ จากนั้นจึงวิ่งลงจากบันไดไปยังริมฝั่งน้ำ เสียงพูดคุยของพวกเขา เสียงหัวเราะของพวกเขา เขย่าให้สายลมเคลื่อนไหวอีกครั้ง

เด็กๆ มาเล่นน้ำกันทุกวัน ตั้งแต่บ่ายจวบจนเย็นย่ำ เสียงเริงเล่นอย่างสนุกสนานของพวกเขา เรียกร้องให้เด็กๆ ในหมู่บ้านออกมารวมตัวอยู่ริมฝั่งน้ำ จากสามสี่คนเพิ่มขึ้นเป็นสิบ ยี่สิบคน จนเต็มร่องน้ำที่อยู่ระหว่างชายฝั่งกับสันดอน ตั้งแต่เด็กเล็กๆ สามสี่ขวบที่มากับพ่อแม่ จนถึงเด็กอายุสิบห้าสิบหก พวกเขามากระโดด ว่ายน้ำ ดำน้ำ สาดเม็ดน้ำใส่กันอย่างสนุกสนาน บางคนมาเล่นกองทรายริมฝั่ง บางคนมาอาบน้ำ สระผมและถูสบู่ พวกผู้ใหญ่บางคนลงไปเล่นน้ำกับเด็กๆ เสียงหัวเราะของพวกเขาดังสะท้อนกลับไปกลับมาระหว่างสองฟากฝั่งราวกับคลื่นน้ำ

แม่น้ำในฤดูร้อนเช่นนี้ ในยามบ่ายอันร้อนอ้าวเช่นนี้ เด็กๆ ตามหมู่บ้านต่างๆ จะลงมาเล่นน้ำยังท่าน้ำในหมู่บ้านของตน ตั้งแต่ท่าเรือ ท่าตำมิละ ท่าวัดหลวง ท่าวัดชัย ท่าวัดหาดไคร้ มิแตกต่างจากหมู่บ้านริมฝั่งทางฟากตะวันออกของแม่น้ำ

แม่น้ำแห่งฤดูร้อนจึงเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะเริงร่าของเด็กๆ.

เสียงน้ำและความเงียบงัน ๑๘

ถนนสายกลาง


สี่โมงเย็นของวันเสาร์ เรามีนัดพบกันบนถนนสายกลาง


นอกจากตลาดนัดวันศุกร์แล้ว เย็นวันเสาร์ในเชียงของยังเป็นวันที่คึกคักและมีชีวิตชีวาอีกวันหนึ่ง เพราะชาวบ้านในหมู่บ้านจะพากันออกมาปูเสื่อปูผ้านั่งขายของ จำพวกพืชผักผลไม้ที่ปลูกอยู่ตามบ้าน หรือเข้าไปเก็บตามสวนตามป่า สินค้าหลากหลายชนิดและหลากหลายสีสันมีให้เลือกซื้ออยู่มากมายเหลือเกิน


นอกจากพืชผักผลไม้แล้ว ยังมีชาวบ้านออกมาขายขนมและอาหารหลากชนิดแตกต่างจากวันธรรมดา ร้านขายข้าวซอยที่อยู่หน้าธนาคาร ร้านขายขนมพื้นบ้าน ร้านขายเครื่องประดับ ร้านขายของจิปาถะ ร้านขายเสื้อผ้าและแผงหนังสือเล็กๆ ต่างออกมาตั้งวางสินค้าขายอยู่บนถนนสายกลาง ชักชวนให้ผู้คนในหมู่บ้านออกมาเดินเลือกซื้อของ ชักชวนให้นักท่องเที่ยวออกมาเดินเล่น สัมผัสบรรยากาศอันแสนจะเรียบง่าย


ทุกเย็นวันเสาร์ เรามีนัดกันบนถนนสายกลาง.

เสียงน้ำและความเงียบงัน ๒๑

สายฝนพรำ

ยามบ่ายร้อนอบอ้าว หมู่เมฆก่อตัวที่ริมขอบฟ้าตะวันตก เคลื่อนตัวเข้ามาอย่างเงียบงันแผ่คลุมห้วงฟ้า สรรพสิ่งรายรอบเริ่มเคลื่อนไหว เคลื่อนไหว และเคลื่อนไหว ลมหมุนหอบใบไม้ควงคว้างออกไปกลางแม่น้ำ เสียงใบไม้พัดพลิ้วเกรียวกราว ยอดไผ่เอนไหวลู่ลม ฝักเสี้ยวดีดดิ้นทิ้งตัว ก่อนทั้งหมดทั้งมวลจะสงบนิ่งลง

สรรพสิ่งสงบนิ่งและเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง ใบไม้ใบหญ้าพัดลู่ตามลม ลมหมุนหอบฝุ่นลอยคลุ้งกลางอากาศ แม่น้ำพลิกเพื่อมรวดเร็ว แรงสั่นสะเทือนเริ่มต้นขึ้นจากที่ใดที่หนึ่งของห้วงฟ้า เสียงนับหมื่นนับแสนดังมาแต่ไกล ใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามา ม่านแห่งสายฝนกรายใกล้เข้ามา เสียงเกรียวกรูซู่ซ่าดังใกล้เข้ามาพร้อมกับไอเย็นชื้น หยดหยาดอันเยียบเย็นกระเซ็นสายลงมาจากท้องฟ้า เปียกปอน

พายุฝนก่อตัวขึ้นในหน้าร้อน ให้ความชุ่มชื่นแก่ต้นไม้และผืนดิน ใบไม้เริ่มผลิแตกตุ่มตาสีเขียวเล็กๆ พร้อมที่จะระบัดใบสวยงาม เมล็ดพืชพันธุ์ที่หลับนอนอยู่ใต้ผืนดินเมื่อฤดูหนาวเริ่มอ่อนนุ่ม พร้อมที่จะตื่นอย่างเกียจคร้านออกมาสู่โลกภายนอก รอคอยฤดูกาลใหม่ที่จะมาเยือนในไม่ช้า.

วันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2550

เสียงน้ำและความเงียบงัน ๒๐

เสียงแห่งฤดูร้อน

ทันทีที่สายลมเหนือแผ่วเบาลง หมู่เมฆแปรเปลี่ยนรูปร่าง กลางวันยาวนานมากขึ้น ฉันจึงรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของวันนี้ แปลกต่างไปจากวันวาน

สายลมแห่งฤดูร้อนหอบเอาละอองขี้เถ้าจากการเผาไร่ลอยฟุ้งในอากาศ ใบไม้ปลิดคว้างอย่างเหนื่อยล้า ดอกไผ่คลี่กระจายเต็มลาน ฝักของต้นเสี้ยวดีดเมล็ดเสียงดังเป๊ะป๊ะ ทิ้งตัวลงบนพื้นปูน เสียงกังวานแว่วของจั๊กจั่น กรีดปีกดังมาจากที่นั่นที่นี่ ส่งสรรพสำเนียงประสานเป็นบทเพลงแห่งฤดูร้อน

หรือว่าฤดูร้อนได้เริ่มขึ้นแล้ว ฉันนึกสงสัย เฝ้าฟังกังวานเสียงแห่งฤดูร้อนแว่วดังมาแต่ไกล เสียงหัวเราะร่าเริงของเด็กๆ เสียงคลื่นน้ำกระทบฝั่ง เสียงเครื่องยนต์ครางมาจากท่าเรือ สรรพเสียงกังวานขึ้นพร้อมเพรียงในวันเริ่มต้นของฤดูร้อน.

วันพฤหัสบดีที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2550

เสียงน้ำและความเงียบงัน ๑๙

ภาคสอง : ฤดูร้อน

แก้วกาแฟว่างเปล่า

ยามเย็นทอแสงอ่อนโยนเหนือแผ่นน้ำ เสียงเด็กๆ เริงเล่นน้ำอยู่ริมฝั่งอย่างสนุกสนาน ทั้งเด็กเล็กและเด็กโต ผู้ใหญ่ลงมานั่งเฝ้าละอ่อนน้อย พ่อแม่มาเล่นน้ำกับลูก สายสัมพันธ์ของชุมชน หลอมรวมกันริมฝั่งแม่น้ำ

วันแต่ละวันผ่านไปอย่างรวดเร็วเสียจริง จากเช้าจวบบ่ายและเย็นย่ำ ในสายลมฉ่ำชื้นของต้นฤดูร้อน ร้านกาแฟวันนี้มิแตกต่างจากวันวาน แก้วกาแฟยังว่างร้าง แก้วกาแฟแต่ละสี แต่ละขนาด แต่ละลวดลาย คว่ำอยู่บนชั้นไม้ รอคอยผู้มาลิ้มอมฤตสีดำรสเข้มข้น จากแก้วกาแฟสวยงาม

มิแตกต่างจากวันวาน ยามเย็นมาเยือนพร้อมด้วยเสียงเริงร่าของเด็กเล่นน้ำ ค่ำคืนโรยแสงสีหม่นคล้ำ แก้วกาแฟบนชั้นไม้ ยังเฝ้ารอคอยด้วยความหวังอันว่างเปล่า.