วันอาทิตย์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2551

เสียงน้ำและความเงียบงัน ๕๖

หาดทรายเงียบสงบ

ค่ำคืนสุดท้าย ก่อนเดินทางสู่ประเทศไทย เรืออ้ายสีพาเรามาจอดค้างคืนที่ดอนเถื่อน มองเห็นแสงไฟจากปากแบงหม่นสลัวในม่านหมอก พวกเราพากันขึ้นไปบนหาดทราย บางคนช่วยกันก่อไฟจากเศษไม้ฟืนลอยน้ำ บางคนตระเตรียมอาหารมื้อค่ำ และหลายคนเดินปล่อยอารมณ์

ความมืดมาเยือนอย่างรวดเร็ว พระจันทร์คืนแรมโผล่พ้นจากหลังเขา งามเศร้าเหมือนใบหน้าของคนรักยามจากไกล แสงจันทร์อาบผืนทรายและแผ่นน้ำ มองเห็นเป็นสีน้ำผึ้งพลิกเพื่อมระยับ แสงจันทร์สาดเอื้อไปทุกหนทุกแห่ง ห่มคลุมผืนป่า เทือกเขาและสายน้ำ สาดแสงอ่อนโยนเข้าไปในหัวใจของผู้คน ช่างอบอุ่นอย่างประหลาด

ค่ำคืนนี้ช่างเงียบสงบเสียจริง แสงจันทร์งดงาม และหัวใจของฉันงามเศร้ามิแตกต่าง.

เสียงน้ำและความเงียบงัน ๕๕

เชียงแมนแดนฝัน

ยามพลบค่ำ ฉันยืนนิ่งอยู่บนฝั่งหลวงพระบาง มองฝ่าละอองหม่นมัวของความมืดโรยตัวเหนือแม่น้ำ ไปยังดินแดนเบื้องหน้า ดินแดนที่กำลังถูกกลืนหายไปในค่ำคืนเงียบงัน

เชียงแมน นามของเธอถูกขานเรียก เมืองเล็กๆ อันเงียบสงบบนฝั่งขวาของแม่น้ำโขง

ทันทีที่ความมืดโรยตัว พระจันทร์นวลกระจ่างเหนือพระธาตุพูสี ด้วยแสงอันอ่อนโยน อบอุ่น เผื่อแผ่แสงนวลไปสู่ทุกซอกทุกมุมของชีวิต ราวการปลอบประโลม

ฟากฝั่งเชียงแมน ดินแดนที่ฉันฝันถึง สงบงันในโอบล้อมของหมู่ไม้ ห่มคลุมด้วยแสงจันทร์อ่อนโยน ขับกล่อมค่ำคืนให้หลับใหล ฝันดี.

วันพฤหัสบดีที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2551

เสียงน้ำและความเงียบงัน ๕๔

ค่ำคืนที่ปากแบง

เรามาถึงปากแบงเมื่อดวงอาทิตย์ใกล้ลับเหลี่ยมเขา เรือเข้าจอดเทียบท่า ผู้คนและสายน้ำ จมอยู่ในความมืด

ปากแบงเป็นเมืองท่าเล็กๆ ริมฝั่งแม่น้ำโขง เป็นจุดแวะพักค้างคืนระหว่างห้วยทรายและหลวงพระบาง เมืองแห่งนี้จึงมีนักเดินทางแวะมาพักอยู่เสมอ

ชีวิตของผู้คนที่นี่ ดูเรียบเรื่อย ไม่เร่งร้อนเฉกเช่นสายน้ำ เรียบง่ายและเป็นกันเอง สงบเย็นเช่นค่ำคืนในฤดูหนาว เป็นได้ว่า ผู้คนมีชีวิตผูกพันอยู่กับสายน้ำ และสายน้ำนี่เอง หล่อหลอมหัวใจของผู้คนให้เย็นเยือก สุขสงบ

ฉันเดินอยู่บนถนน มองดูแสงไฟตามอาคารบ้านเรือน สูดดมกลิ่นหอมของเมือง สดับฟังเสียงลมหายใจอันเงียบสงบ เสียงฝีเท้าของฉันสะท้อนก้องมิต่างเสียงเคาะประตู ฉันเปิดหัวใจออก โอบรับความเงียบสงบที่ผ่านเข้ามาช้าเชือน.

เสียงน้ำและความเงียบงัน ๕๓

จากเชียงของสู่หลวงพระบาง

ในยามเช้าที่สายลมหนาวแผ่วพลิ้ว อากาศเย็นสดชื่น ฉันตื่นขึ้นมาแต่เช้า เตรียมสัมภาระเดินทางไกล สู่เมืองหลวงพระบาง

ทัศนียภาพสองฝั่งฟากหลากไหลเข้าสู่คลองสายตาไม่หยุดยั้ง เกาะแก่งปรากฏโดดเด่นกลางลำน้ำ หาดทรายทอดยาวขาวเนียน หมู่บ้านริมฝั่งน้ำ ฝูงปศุสัตว์ของชาวบ้านท่ามกลางป่าเขาเขียวครึ้ม คนลาวมีวิถีชีวิตอิงแอบอยู่กับแม่น้ำอย่างแท้จริง ตั้งแต่การอาบ ซักล้างและดื่มกิน การทำเกษตรริมโขง ชาวบ้านทอดแหหาปลาอยู่ตามฝั่ง บ้างลอยเรือใส่แน่ง ตกสอด ไหลมอง อีกทั้งยังพบเห็นเครื่องมือหาปลาอยู่ตามเกาะแก่ง จำพวกเบ็ดค่าว ไซลั่น และมองยัง

หมู่บ้านหลายแห่งยังมีการร่อนทองกันอยู่ ชาวบ้านพากันมาร่อนทองอยู่ริมฝั่งน้ำ ส่วนใหญ่จะเป็นแม่หญิงและเด็กๆ จึงทำให้มองเห็นว่า มิใช่เพียงสรรพสัตว์เท่านั้นที่ต้องพึ่งพิงสายน้ำ มนุษย์ก็เช่นเดียวกัน จึงไม่แปลกกับถ้อยคำที่ว่า สายน้ำมีชีวิต

สายน้ำยังคงไหลเรียบเรื่อย ไหลไปสู่หลวงพระบาง ไหลไปสู่คอนพะเพ็ง ไหลไปสู่ลุ่มทะเลสาบเขมร ไหลไปสู่ทะเลจีนใต้ของเวียดนาม สายน้ำไหลไปหล่อเลี้ยงชีวิต เรียบง่ายเช่นเดียวกับวิถีชีวิตของผู้คนริมสองฟากฝั่ง เอื้ออาทรต่อทุกมวลชีวิต มิเคยแบ่งแยกแบ่งปัน เช่นเดียวกับดวงตะวันเอื้อแสงอบอุ่นแก่สรรพสิ่งบนโลก แสงจันทร์เอื้อความสงบเย็นแก่สรรพชีวิต หรือมีเพียงหัวใจของธรรมชาติเท่านั้น เอื้ออาทรต่อเราได้ถึงเพียงนี้.

วันอังคารที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2551

เสียงน้ำและความเงียบงัน ๕๒

เรือโดยสาร

แดดสายเปล่งประกายระยับบนผืนน้ำที่หลากไหลไม่เคยหยุด เสียงครางแผ่วต่ำของเรือโดยสารเมืองห้วยทราย – หลวงพระบางแล่นผ่านอย่างเชื่องช้า ผู้โดยสารแน่นขนัด บางคนโบกไม้โบกมือให้ผู้คนริมฝั่งน้ำ บางคนยกกล้องถ่ายรูปขึ้นบังหน้าเพื่อเก็บภาพความงดงาม เพียงชั่วเวลาไม่นาน ฉันเฝ้ามองดูเรือโดยสารแล่นลับหายจากสายตา

ฉันเฝ้ามองเรือโดยสารแล่นผ่านไปทุกวัน เฝ้าจินตนาการถึงโค้งคุ้งน้ำที่มันล่องผ่าน จินตนาการถึงบ้านเรือนและภูมิประเทศที่ฉันไม่เคยเห็น ความงดงามของเกาะแก่งหินผา และผู้คนในสายลมแห่งฤดูหนาว ฉันเฝ้าแต่นึกฝันถึงการได้ไปเยี่ยมเยือนสักครั้งหนึ่ง

สายลมหนาวยังพร่างพรูในเช้าวันนี้ แสงแดดอ่อนโยนและอบอุ่น เรือโดยสารล่องลับหายไปแล้ว หลงเหลือเพียงความคิดฝันและจินตนาการถึงดินแดนแห่งหลวงพระบาง เมืองที่หลายคนปรารถนาไปเยี่ยมเยือนสักครั้งในชีวิต คงเช่นเดียวกับฉัน

ความปรารถนาที่กำลังจะเป็นจริง.

เสียงน้ำและความเงียบงัน ๕๑

เรือดอกไม้

แม่น้ำโขงวันนี้ดูงดงามกว่าวันอื่นๆ ในความเชี่ยวไหลยังแฝงไว้ด้วยความเงียบสงบ ผ่อนคลาย

แม่น้ำวันนี้คลาคล่ำด้วยเรือล่องทวนเป็นขบวนแถว ผู้คนและสายน้ำ ทุกคนมารวมตัวกันเพื่อคาราวะชื่นชม น้อมใจลงเพื่อขอขมาต่อแม่น้ำ แม่น้ำที่ให้กำเนิดชีวิต แม่น้ำที่หล่อเลี้ยงเราเรื่อยมา

แม่น้ำโขงวันนี้งดงามด้วยมวลดอกไม้หลากสีสัน ล่องไหลเป็นสายธารดอกไม้สวยงาม หมุนคว้างลงสู่จิตใจของสายน้ำ และหมุนคว้างอยู่ในหัวใจของผู้คน ดอกไม้ แม่น้ำและหัวใจ

แม่น้ำวันนี้เปล่งประกายงดงามกว่าวันอื่นๆ งดงามด้วยหัวใจไหลล่องและหลอมรวมกันเป็นหนึ่ง ค้อมกายนิ่งงัน คารวะต่อสายน้ำ ไหลลอยธาราดอกไม้ ล่องไหลดั่งสายธาร เป็นเรือดอกไม้ ล่องไหลไปบอกกล่าวถึงความดีงามของผู้คน

แม่น้ำโขงวันนี้ดูงดงามกว่าวันอื่นๆ.

วันอาทิตย์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2551

เสียงน้ำและความเงียบงัน ๕๐

เจ้านกน้อย

ในแสงสะท้อนของยามบ่าย แม่น้ำเปล่งประกายระยิบระยับ สงบงาม ร้านกาแฟนิ่งงันอยู่ในบทเพลงพลิ้วไหว รอคอย
ทุกๆ วัน เจ้านกน้อยสีเทาสองตัว จะบินลงมาเดินเล่นอยู่บนลานหญ้า กระโดดไปมา บินโฉบเฉี่ยว และจิกกินตัวแมลง หากทว่า ในจินตนาการของหญิงสาวคนหนึ่ง เธอบอกว่า นกมาฟังเพลงของเรา บทเพลงของ Loreena Mckennitt , Norah Jones, Julian Kytasty, Stacey Kent และอีกมากมาย

ฉันเปิดดูรูปในหนังสือนก ฉันพบนกชนิดหนึ่งใกล้เคียงกับเจ้าสีเทามากที่สุด มันเป็นนกกระแตหาด พบได้ในทุกถิ่นของเมืองไทย หัวสีดำ คอขาว ปีกขาวสลับดำ บริเวณทรวงอกมีขนสีดำเป็นรูปหัวใจ

ฉันเฝ้ารอการมาเยือนของเจ้ากระแตหาดทุกวัน ทุกครั้งที่ได้เฝ้ามอง มันทำให้ฉันนึกถึงหญิงสาวคนหนึ่ง เธอเคยนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ตัวนี้ แอบถ่ายรูปของมัน และวิ่งไล่จับมันเหมือนเด็กผู้หญิงวิ่งไล่จับผีเสื้อ ฉันไม่รู้ว่า เธอได้สังเกตเห็นรูปหัวใจสีดำบนทรวงอกของมันหรือไม่ บางทีเธออาจจะบอกความหมายของมันแก่ฉันได้

ทุกวันมันจะบินขึ้นมาจากริมฝั่งแม่น้ำ รูปร่างของมันไม่เหมือนกันเสียทีเดียว แต่มันจะเคียงคู่กันอยู่เสมอ เช่นเดียวกับดวงดาวเคียงคู่ท้องฟ้ายามค่ำคืน และเช่นเดียวกับวันคืนเก่าๆ มีเธออยู่เคียงข้างฉัน.

วันพฤหัสบดีที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2551

เสียงน้ำและความเงียบงัน ๔๙

ความรักมาเยือน

และแล้ว สายลมหนาวก็พัดผ่านเข้ามาอีกครั้ง ตามคำสัญญาลึกลับของนกพเนจร เมื่อฤดูกาลแห่งสายฝนพ้นผ่าน สายลมอ่อนหวานโชยพลิ้ว ต้นไม้ ใบหญ้าเริงร่า ผลิแตกดวงดอกสวยงาม สีสันในวันคืนใหม่ๆ กำลังคืบคลานเข้ามา สีสันแห่งดวงดอกไม้ สีสันบนลายปีกผีเสื้อ สีสันแห่งฤดูหนาว และสีสันแห่งความรัก

ยามเช้าอวลอยู่ด้วยละอองหมอกพร่างพราว สีขาว สดใสและฉ่ำเย็น แดดสาดแสงพริบพรายเหนือสายน้ำอวลอุ่น แม้ในค่ำคืนเหน็บหนาว ฉันยังสัมผัสถึงไออุ่นแห่งชีวิต ในแสงจันทร์สวยเศร้าของคืนแรม ในเสียงเพลงพลิ้วไหวของใบไม้ ในกลิ่นอันหอมหวานของดอกไม้ยามราตรี อวลอุ่นด้วยสายลมแห่งรัก

ทุกๆ ปี ฉันได้แต่เฝ้ารอให้ลมหนาวพัดผ่านมา ด้วยฉันรู้ว่า สายลมหนาวจะมาเยือนพร้อมด้วยปีกแห่งการโบยบิน ส่งเสียงพร่ำเพรียกให้เราได้ออกเดินทางค้นหาความหมายแห่งรัก

และยามที่สายลมหนาวพัดผ่านมา ความรักได้คลี่ปีกโอบคลุมร่างกายของฉันอีกครั้ง อวลอุ่นในครุ่นคำนึงถึงใครสักคน

ก่อนที่สายลมหนาวจะพัดผ่านเลยไป.

เสียงน้ำและความเงียบงัน ๔๘

ภาคสี่: ฤดูหนาว
จากแม่น้ำน้อยถึงริมฝั่งโขง

อาจเป็นเรื่องบังเอิญ เมื่อฉันได้พบเธอ หญิงสาวผู้เดินทางมาจากแม่น้ำน้อย

เธอก็มิได้ต่างจากฉันมากนัก แม้จะเป็นช่วงเวลาไม่นาน ที่เธอได้ใช้ชีวิตวัยเยาว์อยู่ในหมู่บ้านริมฝั่งน้ำแห่งความทรงจำของฉัน หากทว่า เธอกลับจดจำเรื่องราวในครั้งเก่าก่อน และเปิดเผยให้ฉันได้มีส่วนร่วมรับรู้ การมาเยือนของเธอ ได้นำฉันกลับไปสู่สายน้ำแห่งอดีตอีกครั้ง

ในร้านกาแฟเล็กๆ ริมฝั่งแม่น้ำโขง เรานั่งอยู่ด้วยกันในค่ำคืนแห่งแสงจันทร์ สนทนาแลกเปลี่ยนเรื่องราวในช่วงเวลาที่เราถอยห่างออกมาจากแม่น้ำน้อย เธอยังติดตามพ่อซึ่งเป็นตำรวจไปประจำตามที่ต่างๆ เธอค่อยๆ ห่างไกลออกจากแม่น้ำสายนั้นทุกขณะ คงเช่นเดียวกับฉัน ชีวิตนำพาเราไปสู่หนทางอันแตกต่าง เพื่อที่จะนำเรากลับมาอีกครั้ง นำเราย้อนกลับคืนสู่ความทรงจำอันสวยงาม

เช่นเดียวกับฉัน เธอเคยกลับไปเยือนสายน้ำแห่งนั้น แล้วพบว่า หลายสิ่งหลายอย่างแปรเปลี่ยนไป เหมือนที่ฉันไม่พบเห็นร่องรอยการเดินเรือในอดีต เมื่อถนนหนทางกลายเป็นเส้นทางสัญจรสู่เมืองใหญ่ ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังสูญหายไป หลงค้างเพียงความทรงจำ

เธอมีความฝัน อยากกลับไปยังริมฝั่งแม่น้ำ และใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายในวิถีที่เธอเลือก ในขณะที่ความฝันของฉัน คือการได้ไปเยือนแม่น้ำสายต่างๆ และเลือกฝังชีวิตไว้ในอ้อมกอดของสายน้ำอันเงียบสงบ.

วันจันทร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2551

เสียงน้ำและความเงียบงัน ๔๗

ปลายฝนต้นหนาว

ท้องฟ้ายามเย็นหม่นมัวด้วยหมู่เมฆ ความชื้นหนาแน่นขับให้สายฝนพร่างพรมในค่ำคืน คล้ายดั่งอาลัยอาวรณ์ มิปรารถนาเอ่ยคำอำลา

ยามเช้า สายลมหนาวพัดโชยเข้ามาแผ่วเบา แสงแดดทำให้แม่น้ำเปล่งประกายงดงาม หมอกล่องสายเหนือยอดไม้ ขาวนวลและเยือกเย็น คล้ายความถวิลหา ปรารถนาการพบเจอ


ยามวันอวลอ้าวด้วยแสงแดดแผดร้อน ปล่อยให้ยามเย็นเต็มไปด้วยหมู่เมฆเหนือน่านฟ้า ค่ำคืนยะเยือกด้วยสายลมชื้นโชย ความเย็นเยือกของสายลมแห่งฤดูฝน หรือความเย็นเยือกของสายลมแห่งฤดูหนาว
หรือว่า สัญญาณแห่งฤดูกาลใหม่ กำลังมาเยี่ยมเยือน.

เสียงน้ำและความเงียบงัน ๔๖

ลานปูนและสนามหญ้า

เมื่อสายลมหนาวได้หวนกลับมาอีกครั้ง ฉันยืนอยู่หน้าร้านกาแฟเล็กๆ ริมฝั่งโขง มองดูคราบความอับชื้นของฤดูฝนจับอยู่ตามซอกมุมต่างๆ ในร้าน ห้าเดือนทีเดียวที่ฉันปิดร้าน และเข้าไปใช้ชีวิตเงียบๆ ในสวน แต่เมื่อลมหนาวเริ่มพัดผ่าน มันจึงนำฉันกลับมาอีกครั้ง

หลังจากเก็บกวาดทำความสะอาด ฉันมองดูรอบบริเวณร้านกาแฟ บางสิ่งบางอย่างได้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ฉันไม่อยู่ ครึ่งหนึ่งบนถนนริมฝั่งน้ำ ปูด้วยอิฐปูนสีแดง เหลือง และสีหินศิลาแรง มีสนามหญ้าเล็กๆ ปลูกต้นตะแบก อินทนิล และปลูกถั่วดอกเหลืองไว้คลุมดิน ต้นไม้และดอกไม้จึงทำให้ถนนริมฝั่งน้ำสวยงามขึ้น ชักชวนชาวเมืองลงมาวิ่งออกกำลังกายทุกๆ เย็น

ลานปูนและสนามหญ้าหน้าร้าน เพิ่มสีสันความงามให้แก่ทัศนียภาพริมฝั่งโขง ในยามดอกเสี้ยวหล่นรายในสายลม ลานปูนยิ่งขับให้กลีบบอบบางของดอกเสี้ยวเด่นชัดในความรู้สึกของฉัน และอาจเด่นชัดในความรู้สึกของใครอีกหลายคน

หากทว่า เมื่อค่ำคืนมาเยือน ถนนริมฝั่งน้ำยังคงมืดและเงียบเหงาดุจเดิม.