วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

เสียงน้ำและความเงียบงัน ๔๕

วันเศร้า

เพียงชั่วเวลาไม่นานนัก ที่ฉันลงมือขุดหลุมเล็กๆ ใต้ต้นมะม่วงในสวนด้านหน้าของเรือนไม้โบราณ เมื่อเห็นว่าไม่มีวี่แววใดจะฟื้นคืนชีวิตของเจ้าลายหินกลับมาได้ มันสะดุ้งเป็นเฮือกสุดท้ายก่อนแน่นิ่ง ร่างกายอ่อนปวกเปียก ดวงตาไร้แววดูคล้ายดั่งลูกแก้ว ไม่เหมือนดวงตาที่ฉันเคยเห็น มันตายเสียแล้ว

ลายหินเป็นลูกของสามสี่ ลูกแมวตัวหนึ่งในบรรดาสามตัวที่มาอยู่เรือนไม้แห่งนี้พร้อมฉัน ลายหินเป็นแมวหงอยเหงา ซึมเซาและขลาดกลัวอยู่เสมอ แต่หลายครั้งฉันพบเห็นมันเริงเล่นกับพี่น้องของมันอย่างนึกสนุก เช่นเดียวกับเมื่อชั่วโมงก่อนหน้านี้ มันยังวิ่งเล่นอยู่ที่กองทราย แม้มันจะดูหงอยไปบ้างตอนที่ฉันคลุกข้าวกับปลากระป๋องให้มัน มันจึงมากินข้าวเป็นตัวสุดท้ายในห้องครัว และนั่นเองที่เป็นเหตุทำให้มันต้องตาย

ขณะฉันนั่งคิดอะไรเพลินอยู่นั้น เสียงหมาวิ่งไล่กันอยู่ใต้ถุน ฉันร้องตวาดและรีบลงไปดู เห็นหมาสี่ตัวกำลังรุมกัดเจ้าลายหิน พวกมันวิ่งหนีก้อนหินและหันกลับมาเห่า ฉันรีบมาดูเจ้าลายหิน ร่างของมันสั่นระริก เสียงลมหายใจหนักหน่วง ฉันรีบอุ้มมันขึ้นมาบนบ้าน ไม่รู้จะทำอย่างไรดี มองดูมันดิ้นชักกระตุกจนลมหายใจเฮือกสุดท้าย

ฉันกลบฝังร่างกายอันอ่อนนุ่มของมันอย่างช้าๆ นึกเห็นภาพตอนเย็นที่มันเริงเล่นอยู่บนกองทราย ภาพนั้นช่างร่าเริงแปลกต่างจากลักษณะนิสัยเงียบๆ ของมัน ภาพการวิ่งเล่นของมันทำให้ฉันอดรู้สึกที่จะเศร้ามิได้ เพราะฉันจะไม่มีโอกาสได้เห็นภาพนั้นอีกแล้ว.

เสียงน้ำและความเงียบงัน ๔๔

ตั๊กแตนสีเขียว

หลายวันมาแล้ว ฉันไม่พบเห็นเธอ ตั๊กแตนสีเขียว

ทั้งที่เธอเคยมาเยี่ยมเยือนฉันเกือบทุกวัน ขณะที่ฉันกำลังเขียนหนังสือ หรืออ่านหนังสืออยู่หน้าโต๊ะเขียนหนังสือ ทั้งที่เธอเคยมาเยี่ยมเยือนฉันแทบทุกวัน แต่วันนี้ไม่มีเธอ

ฉันได้แต่มองดูปกสมุดบันทึกที่เธอเคยเกาะ บนเครื่องพิมพ์ดีด หรือปลายพู่กัน เธอชอบเกาะนิ่งอยู่เช่นนั้น กลอกตาไปมามองดูฉัน เธอค่อยๆ ขยับใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามา เธอไม่ยอมหนีเมื่อฉันเอื้อมมือออกไปสัมผัสปีกอันแข็งแรงของเธอ เธอไม่ได้หวาดกลัวฉันเลย เธอเอาแต่จ้องมองฉัน ราวกับระลึกได้ว่า เธอเคยมองฉันเช่นนี้เมื่อชาติปางก่อน

ฉันไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเธอจึงเอาแต่เฝ้ามองฉัน ฉันไม่รู้ว่ามีอะไรเชื่อมโยงระหว่างเรา หากทว่าวันนี้ ฉันไม่พบเห็นเธอ หากทว่าหลายวันมานี้ ฉันไม่พบเห็นเธอ หรือเธอลืมฉันเสียแล้ว.

วันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

เสียงน้ำและความเงียบงัน ๔๓

แห่เทียนพรรษา

วันนี้ชาวบ้านมาทำบุญทำทานที่วัดแต่เช้า อุทิศตนอยู่ในศีลในธรรม เพื่อให้จิตใจบริสุทธิ์ ในเช้าวันแรกของวันเข้าพรรษา

ในประกายแดดบ่ายของวันวาน ชาวบ้านมารวมตัวกันตกแต่งประดับประดาเทียนประจำหมู่บ้านของตน เพื่อร่วมขบวนแห่เทียนเข้าพรรษา พร้อมรูปขบวนอันสวยงามตระการตา เสียงดนตรีพื้นบ้านประโคมแห่ เคลื่อนคล้อยอ้อยอิ่ง ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ แต่งกายแบบชาวล้านนา แสดงให้เห็นถึงศิลปวัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม นำขบวนโดยหญิงงามแต่งกายแบบเจ้านางโบราณ ตามประวัตศาสตร์อันรุ่งเรืองของอาณาจักรล้านนา – ล้านช้าง และความสัมพันธ์ของกลุ่มคนไทในนามห้าเชียง แบ่งแยกเป็น เชียงราย เชียงใหม่ เชียงทอง เชียงรุ่ง เชียงตุง

เช้าวันนี้จึงเงียบสงบ หลังผ่านความสนุกสนานร่าเริงของวันวาน ชีวิตกลับเข้าสู่ความสงบเรียบง่ายอีกครั้ง เฉกเช่นชีวิตของผู้คนที่นี่

ความมืดเคลื่อนผ่านเข้ามาเยือน แสงเทียนถูกจุดประดับประดาอยู่บนรั้วกำแพงของบ้านเรือนแต่ละหลังค่ำคืนเงียบสงบ คล้ายกำลังหลับไหล.

เสียงน้ำและความเงียบงัน ๔๒

ตะวันตกดิน

ดวงตะวันโผล่พ้นจากขอบฟ้า เคลื่อนผ่านยามวันเพื่อลับหาย ณ ขอบฟ้ายามเย็น

วันนี้มิแตกต่างจากวันวาน ชีวิตเริ่มต้นใหม่ตรงขอบฟ้าเรื่อแดง ขณะดวงตะวันเผยความอบอุ่นแก่พื้นโลก ขับไล่ความมืดพ้นหาย ชีวิตเชื่อมโยงผูกพันกับการก่อกำเนิดของวันใหม่

วันนี้มิแตกต่างจากวันวาน แม่น้ำโขงยังขุ่นแดง หลากไหล แม้ปริมาณน้ำฝนทำให้ระดับน้ำสูงขึ้น หากมนุษย์และสัตว์ยังเชื่อมร้อยผูกพันชีวิตไว้กับแม่น้ำ

วันนี้มิแตกต่างจากวันวาน ยามเย็นมาเยือนอย่างช้าเชือน ความมืดโรยตัวแผ่วเบา ค่ำคืนมาเยือนโดยไม่รู้ตัว ฉันได้แต่เหม่อมองท้องฟ้า ฉันได้แต่เหม่อมองเหนือยอดเขา ดวงตะวันลับหายตั้งแต่เมื่อใด

เพียงสัมผัสได้แต่มิอาจแลเห็น ค่ำคืนมาเยือนแล้ว เมืองแห่งนี้ไม่มีขอบฟ้ายามเย็น เมืองแห่งนี้ไม่มีดวงตะวันตกดิน.

วันพฤหัสบดีที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

เสียงน้ำและความเงียบงัน ๔๑

รอยยิ้ม

ในวันที่ฉันได้พลัดหลงเข้าไปเป็นกลาสีของเรือนาวาลูกหลวง ฉันได้พบรอยยิ้มของสาวชาวพม่า
ฉันเดินทางมากับคณะสำรวจของหน่วยปราบปรามยาเสพติด องค์การความร่วมมือของ ๔ ประเทศ ได้แก่ ไทย จีน พม่า ลาว โดยมีประเทศญี่ปุ่นเข้าร่วมสังเกตการณ์ ออกเดินทางจากท่าเรือเชียงแสน ล่องผ่านมาจอดที่บ้านโป่งริมฝั่งพม่า

ฉันขึ้นไปเดินเที่ยวในหมู่บ้านร่วมกับคณะสำรวจ เราเดินไปตามทางดินชื้นแฉะด้วยฝนเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา ผ่านห้องแถวเล็กๆ สามสี่ห้องเปิดเป็นร้านขายของ ร้านตัดผมและที่อยู่อาศัย ด้านหน้ามีเรือนน้ำจากโอ่งน้ำใจสองใบ ทำให้ฉันนึกถึงหมู่บ้านในชนบททางเหนือของไทย มักมีโอ่งน้ำตั้งอยู่หน้าบ้าน

บ้านเรือนของผู้คนตั้งอยู่ห่างกัน มีสถานีตำรวจและเรือนพักทหาร ร้านหนังสือเช่า ทุกสายตาที่เฝ้ามองมีแววฉงนฉงายและรอยยิ้มเขินอาย รอยยิ้มเช่นนี้เองที่ฉันมักพบเสมอยามเข้าไปในหมู่บ้าน รอยยิ้มของคนแปลกหน้า ทว่ากลับเต็มไปด้วยไมตรีอันอบอุ่น

เช่นเดียวกับรอยยิ้มของเธอ หญิงสาวชาวพม่า เธอนั่งอยู่ในร้านค้า เฝ้ามองและยิ้มเอียงอาย รอยยิ้มสดใสของวัยสาว เป็นรอยยิ้มอันใสซื่อจริงใจ

เฉกเช่นดอกไม้แย้มบาน.