วันอังคารที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2550

เสียงน้ำและความเงียบงัน ๑๓

แม่หญิงแห่งลุ่มน้ำ

ทุกๆ เช้า เมื่อแสงแดดแผดไออันอบอุ่น กลุ่มแม่หญิงในหมู่บ้านจะเดินลงมาริมฝั่งแม่น้ำ มองดูระดับน้ำว่าแตกต่างจากวันวานมากน้อยเพียงใด จากนั้นจึงเดินลงตามขั้นบันไดมายังริมฝั่ง กองสัมภาระไว้บนฝั่งก่อนย่างเหยียบลงสู่ สายน้ำอันเย็นยะเยือก เดินข้ามน้ำไปยังสันดอนที่เห็นอยู่เบื้องหน้า ก้มลงเก็บไกสีเขียวราวแพรไหมที่ขึ้นอยู่ตามดอนหิน

ตามผาหิน หาดและดอนหิน ใต้ระดับน้ำที่แสงแดดสาดส่องลงไปถึง อันเป็นบริเวณน้ำที่ใสสะอาด จะเป็นที่ก่อกำเนิดของไก หรือสาหร่ายแม่น้ำโขง สายไกสีเขียวลื่นและนุ่มมือราวกับแพรไหม พลิ้วไหวไปมาในกระแสน้ำ ชักชวนให้บรรดาผู้หญิงในหมู่บ้านพากันลงมาเก็บไก ตามหาดดอนหินริมสองฟากฝั่งน้ำ

ภาพก้มๆ เงยๆ ในโอบกอดของแม่น้ำอันเย็นยะเยือก ทำให้ฉันนึกถึงภาพของแม่กำลังให้นมลูกดื่ม ในช่วงขณะที่ก้มตัวลงไขว่คว้าสายไกบนหาดหิน ริมฝีปากจรดสายน้ำพลิกเพื่อมราวจะดื่มซับน้ำนมจากทรวงอกของมารดา

หลังจากเก็บไกเสร็จ พวกนางจะนำเอาไกมาซักล้างริมฝั่ง ทุบบนโขดหินและเก็บเศษตะกอนออกให้หมด จากนั้นจึงเปลี่ยนเสื้อผ้า และพากันเดินกลับบ้าน.

วันอังคารที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2550

เสียงน้ำและความเงียบงัน ๑๒

การละเล่น

ในยามบ่ายของวันสุดสัปดาห์เช่นนี้ เด็กๆ จากละแวกบ้านห้าหกคนจะชักชวนกันลงมาเล่นน้ำโขง ตรงท่าน้ำตำมิละ บริเวณนี้มีหาดทรายและโขดหินมากมาย เมื่อน้ำลงจะมองเห็นสันดอนเล็กๆ ก่อเกิดร่องน้ำซึ่งกลายเป็นอาณาจักรของลูกน้ำโขงตัวน้อยๆ ดำผุดดำว่ายกันอย่างสนุกสนาน

เกมการละเล่นต่างๆ ถูกคิดขึ้นมามากมาย ว่ายน้ำแข่งกัน ดำน้ำแข่งกัน แบ่งข้างทำสงครามกัน ครั้นเมื่อรู้สึกหนาว พวกเขาจะขึ้นมารวมตัวกันบนฝั่งทราย เล่นหมากขี้เบ้า โดยขุดทรายให้เป็นหลุมใหญ่ ถากหลุมให้เป็นร่องลึก แต่ละคนต่างปั้นทรายให้เป็นก้อนกลมแข็ง แล้วปล่อยให้ลงมาชนกันในหลุม ของใครแตกถือว่าแพ้

เช่นเดียวกับทุกเย็น วันนี้ฉันจะลงไปตักแม่น้ำโขงขึ้นมารดดอกไม้ที่ปลูกเอาไว้ ฉันมองดูพวกเขาเล่นกันบนฝั่งอย่างนึกสนใจ จึงเดินเข้าไปทักทาย

พวกเขาขุดหลุมทรายต่างระดับกันหลายหลุม จากริมฝั่งสูงขึ้นตามเนินทราย ถมผนังให้สูงและมีความมั่นคงแข็งแรงเหมือนเขื่อน จากนั้นจึงใช้ถุงตักน้ำขึ้นมาใส่ในหลุมบนสุด ถุงแล้วถุงเล่า ทุกคนต่างช่วยกัน จนน้ำล้น ทรายไม่อาจทานรับน้ำได้ทั้งหมด ผนังเขื่อนจึงพังทลายลง ปล่อยให้น้ำไหลลงสู่เขื่อนที่ต่ำลงมา พวกเขายังช่วยกันเติมน้ำไม่หยุดยั้ง จนเขื่อนที่สองแตก น้ำไหลลงมาในเขื่อนที่สาม สี่ ห้า จนแต่ละเขื่อนพังทลายจนหมด

พวกเขาร้องตะโกน “เขื่อนแตก เขื่อนแตก” พวกเขานึกอย่างไรกันนะ จึงจำลองหลุมทรายให้กลายเป็นเขื่อน ฉันได้แต่นึกสงสัย

“เขื่อนที่ไหนกัน เขื่อนของประเทศจีนหรือ” พวกเขายิ้มและพยักหน้า

ฉันมองดูน้ำโขงไหลจากเขื่อนด้านบนลงมายังเขื่อนชั้นต่างๆ เห็นการพังทลายของแต่ละเขื่อน ฉันรู้สึกเศร้าเมื่อคิดไปว่า หากมีบ้านเรือนและผู้คนอยู่ทางตอนล่างของเขื่อนแล้วจะเกิดอะไรขึ้น หากแม่น้ำที่เขื่อนกักกั้นอยู่เหือดแห้งลงจะเกิดอะไรขึ้น

ฉันได้แต่เศร้าใจ ขณะมองดูโลกจำลองของเด็กๆ.

วันจันทร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2550

เสียงน้ำและความเงียบงัน ๑๒

เรือหาปลา

ทุกๆ วัน ในม่านหมอกยามอรุณ เรือหาปลาลอยลำกลางแม่น้ำโขง แล่นเข้าหาแสงตะวันเรืองรองเหนือเส้นขอบฟ้า แล่นฝ่าประกายวิบวับของแผ่นน้ำ ในคลื่นอันพลิ้วพรายของทุกๆ เช้า ฉันมองเห็นคนกับเรือหาปลาลำนั้น

สายลมหนาวยังพรูพรายพลิ้วไหว เรือหาปลาลอยลำโดดเดี่ยว เสียงเครื่องยนต์ก้องสะท้อน ฟองคลื่นแตกซ่าน โฉบร่อนจากแผ่นดินไทย มุ่งหน้าสู่ดอนทรายกลางลำน้ำ ก่อนชะลอตัวปรับทิศทางตั้งลำริมฝั่ง เสียงเครื่องยนต์ครางกระหึ่ม ลูกบอลถูกเหวี่ยงลอยคว้างเหนือสายน้ำ สายมองถูกปล่อยล่องไหล แล่นเรือทวนกระแส ทำมุม ๓๐ องศากับดอนทราย ๔๕ องศา ๖๐ องศา ๙๐ องศา ๑๒๐ องศา เครื่องยนต์ถูกผ่อนและดับนิ่ง ปล่อยให้เรือเคลื่อนที่เป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวบนแผ่นน้ำ และไหลล่องเฉกเช่นกระแสน้ำ

สายตาเหม่อมองสายน้ำแผ่กว้าง จับจ้องลูกบอลลอยคว้างอย่างมีความหวัง ขณะมือหนึ่งวาดวนใบพายอยู่บนหัวเรือ ส่วนอีกมือหนึ่งถือสายมองมั่น ประสาทรู้สึกตื่นโพลงพร้อมรับสัมผัสอันหนักหน่วงใต้ผืนน้ำ

เวลาผ่านไปอย่างอ้อยอิ่งช้าเชือน แสงตะวันเพิ่มไออุ่นหอมอวล พรานปลาเร่งสาวสายมองขึ้นกองบนเรือ รับสัมผัสจากแรงกระตุกอันหนักหน่วง ยิ่งเข้าใกล้จุดหมาย แรงสัมผัสยิ่งหนักหน่วง

ชีวิตผู้คนริมฝั่งแม่น้ำโขงดำเนินอยู่เช่นนี้ แม่น้ำยังเคลื่อนไหลอย่างมีชีวิตชีวา แม่น้ำคอยโอบเอื้อชีวิตของ ผู้คนริมฝั่ง เกื้อกูลสายสัมพันธ์แห่งชีวิตมิให้ขาดรอน.

วันพุธที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2550

เสียงน้ำและความเงียบงัน ๑๑

ลมหนาว

ลมหนาวระลอกใหม่พัดโชยเข้ามาอีกครั้งจากผืนแผ่นดินอันกว้างใหญ่ของประเทศจีน สายลมหนาวพัดพาเรียวปีกของฝูงนกผ่านเข้าสู่ประเทศอันอบอุ่น

เช้าวันนี้จึงไม่พบเห็นนักท่องเที่ยวลงมาเดินเล่นอยู่ริมฝั่งโขงเช่นที่เคยมี นอกจากชายชราในชุดคลุมคนหนึ่งลงมาขี่จักรยานออกกำลังกายดังเช่นทุกๆ วัน ฉันมักเห็นแกออกมาขี่จักรยานเสมอในช่วงเช้าๆ เช่นนี้

แม้ว่าชายชราจะมีอายุมากแล้ว แต่ยังดูแข็งแรงดี แม้เราจะไม่เคยพูดคุยหรือทักทายกัน ทว่าเราต่างรับรู้การมีอยู่ของกันและกัน ชายชราขี่จักรยานผ่านร้านกาแฟทุกวัน แกมองดูร้านกาแฟแต่ไม่เคยเอ่ยถามถึงสิ่งใด ชายชรามองดูด้วยสายตาของผู้ที่เฝ้ามองความเป็นไป

ในเช้าวันนี้จึงมีเพียงฉันและชายชราในความคิดคำนึงของตน เฝ้ามองแสงเรื่อเรืองเหนือเทือกเขาบนแผ่นดินลาว ดวงอาทิตย์ค่อยๆ โผล่พ้นจากเทือกเขา สาดแสงอ่อนจางเผยความอบอุ่นแก่พื้นโลก แสงเช้างดงามสาดสะท้อนลงบนผืนน้ำเป็นประกายวิบวับ ม่านหมอกล่องลอยโอบล้อมเทือกเขาและแม่น้ำเอาไว้ เช่นเดียวกับแสงแดดอันอบอุ่นโอบล้อมชีวิตของโลก.

วันอังคารที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2550

มนต์รักแม่กลอง

วุฐิศานติ์ จันทร์วิบูล

มนต์รักแม่กลอง




เจื้อยแจ้วแว่วเสียงสำเนียงขับร้อง
ดั่งเพลงมนต์รักแม่กลอง
ล่องลอยพลิ้วหวานซ่านมา
กล่อม...สาวงามบ้านอัมพวา
มนต์รักแม่กลองแว่วมา
เหมือนสายธาราแม่กลองรำพึง





บทเพลงมนต์รักแม่กลองแว่วหวานซ่านผ่านริมฝีปากของฉันอยู่ตลอดเวลาที่เดินทางมุ่งหน้าสู่อำเภอแม่กลอง ราวกับว่า ฉันเดินทางมาตามท่วงทำนองของบทเพลง มาตามเสียงพร่ำร้องเพรียกหาที่แว่วดังอยู่ในหัวใจมาเนิ่นนาน





พี่ต้องจากลาขวัญตานิ่มน้อง
ไม่ลืมลาสาวแม่กลอง
ต้องครวญหวนมาสักวัน
กลิ่น...เนื้อนางไม่จางสัมพันธ์
เราสองล่องเรือร่วมกัน
ร้องเพลงชมจันทร์ลุ่มน้ำแม่กลอง


ฉันนั่งอยู่ริมแม่น้ำ ปล่อยให้สายลมหอบกลิ่นไออันอ่อนโยนคุ้นเคยล่องลอยเข้ามาโอบกอด ขณะเคลิ้มฟังบทเพลงแว่วหวานไพเราะจากเสียงไวโอลินของชายนิรนาม เสียงไวโอลินของเขาได้ชักพาให้ฉันเดินทางย้อนกลับไปสู่อดีตอันเลือนรางเมื่อวัยเด็ก ภาพแม่น้ำแผ่กว้างไพศาล ภาพเรือที่สัญจรผ่านไปมา บ้านเรือนริมฝั่งคลอง และการเดินทางอันไม่สิ้นสุด


ไม่เคยสิ้นสุด ราวกับว่าการเดินทางได้เริ่มต้น ณ ที่ใดที่หนึ่งของสุดฟากความฝัน เพื่อเดินทางไปยังที่ใดที่หนึ่งของอีกสุดฟากความฝัน เพียงชั่วลำน้ำแม่กลองขวางกัน เพียงชั่วเสียงเพลงล่องลับลอยหาย การเดินทางได้เริ่มต้นอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง...

ไม่ลืม...น้ำใจไมตรี
สาวงามบ้านบางคณที
เอื้ออารีเรียกร้อง ให้ดื่มน้ำตาล
พร้อมกับยิ้มหวานของนวลละออง
ก่อนลาจากสาวแม่กลอง
เราร่วมปิดทองงานวัดบ้านแหลม

ฉันเดินเรียบเรื่อยมาตามลำคลองอัมพวา ห่างไกลจากย่านตลาดที่นักท่องเที่ยวมาเที่ยวชม เดินเลือกซื้อสินค้า อาหาร ขนม และของฝากกันอย่างพลุกพล่าน ทว่ายิ่งห่างไกลออกมา ภาพห้องแถวไม้ริมฝั่งคลองกลับเงียบเหงา ท่ามกลางบรรยากาศยามเย็นอันเงียบสงบ


ฉันได้พบว่า ความมีชีวิตจริงๆ ของคนอัมพวาแอบซ่อนอยู่ที่นี่ ชีวิตอันปกติธรรมดาของผู้คน บ้านเรือนและร้านขายของของชาวบ้าน มีตั้งแต่อุปกรณ์การเกษตร ยา และสินค้าของชำ บางครอบครัวนั่งล้อมวงกินอาหารมื้อค่ำอยู่ด้วยกัน บ้างจดจ่ออยู่หน้าจอโทรทัศน์ บ้างนั่งพูดคุยสรวลเสเฮฮาระหว่างเพื่อนบ้าน เด็กๆ วิ่งหยอกล้อ กระโดดเล่นน้ำ หรือบางที นี่คือวิถีชีวิตของผู้คนแห่งลุ่มน้ำแม่กลองที่ฉันอยากได้รู้จักจริงๆ?
เจื้อยแจ้วแว่วเสียงสำเนียงขับร้อง
คร่ำครวญลาสาวแม่กลอง
ล่องลอยเมื่อคืนข้างแรม
กรุ่น...หอมไอทะเลเคล้าแซม
มนต์รักแม่กลองแทรกแซม
คิดถึงพวงแก้มนวลสาวแม่กลอง

สายลมยามค่ำคืนหอบไอเย็นของแม่น้ำขึ้นมาอบร่ำ เรือล่องออกจากตลาดอัมพวาเข้าสู่คลองผีหลอก เรือท่องเที่ยวนับสิบลำล่องไปในความมืดของแม่น้ำ เฝ้ามองแสงพริบพราวของดวงดาวเล็กๆ มากมายที่เกาะอยู่ตามกิ่งก้านดอกใบของต้นลำพูเหนือผืนน้ำ นาฏกรรมแห่งชีวิตที่ชักชวนผู้คนมากมายเข้ามาเยี่ยมชม อีกทั้งยังชักชวนความขัดแย้งมาสู่ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมฝั่งคลอง หรือการท่องเที่ยวกำลังจะเข้ามาแบ่งแยกทำลายความสงบเรียบง่ายของผู้คนที่นี่?



สายน้ำยามค่ำคืนทำให้ฉันหวนคิดถึงเรื่องราวมากมายที่ล้วนเคยผ่านเข้ามาแล้วผ่านไป ชีวิตที่ผ่านมาของฉันล้วนมีความเชื่อมโยงผูกพันอยู่กับสายน้ำ และผู้คนที่พิงพักอาศัยอยู่กับสายน้ำ เรื่องราวชีวิตของผู้คนที่นี่ก่อให้เกิดความคุ้นเคยกับฉันอย่างประหลาด แม้ในภาวะที่จำความได้ นี่คือครั้งแรกที่ฉันได้มาเยือนถิ่นแม่กลอง

แต่ในความฝันลึกล้ำของวัยเยาว์ สายน้ำแม่กลองล่องไหลเข้ามาอยู่เยือนในหัวใจของฉันมาเนิ่นนานแล้ว นับจากวันนั้น...

เสียงไวโอลินยังบรรเลงเพลงแผ่วเบา ล่องลอยมาตามสายน้ำยามค่ำคืน หวานแว่ว...
กรุ่น...หอมไอทะเลเคล้าแซม
มนต์รักแม่กลองแทรกแซม
คิดถึงพวงแก้มนวลสาวแม่กลอง...


๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๐

วันจันทร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2550

เสียงน้ำและความเงียบงัน ๑๐

ข้างหลังโปสการ์ด

ยามเย็นเดินทางผ่านเข้ามาอย่างเงียบงัน ในบรรยากาศอันเงียบเหงาของร้านกาแฟ แม่น้ำโขงยังคงล่องไหลดุจดังชีวิต ล่องไหลไม่หยุดยั้ง

เรือลำน้อยลอยล่อง บางขณะถูกปล่อยให้ลอยคว้างกลางลำน้ำ ไร้ทิศไร้ทางไม่แตกต่างจากชีวิตในบางช่วงเวลา ถูกปล่อยให้เคว้งคว้างไร้จุดหมายปลายทาง

ฉันหวังว่าการเดินทางที่ผ่านมาคงยังความสุขแก่เธอบ้าง หากเราไม่ปล่อยให้ตัวเองคาดหวังกับสิ่งต่างๆ มากเกินไป เมื่อเรามีความรู้สึกว่า หลายสิ่งหลายอย่างไม่เป็นไปตามที่เราคิดเอาไว้ หากเราไม่คาดหวังอันใด แน่นอนว่าเราย่อมไม่รู้สึกผิดหวัง เราเพียงแต่ปล่อยให้ชีวิตไหลลอยไปดุจเดียวกับกระแสน้ำ ไร้ซึ่งการคาดหวังใดใด

อากาศหนาวเย็นเริ่มจางคลายลงบ้างแล้วในยามเช้า และปล่อยให้ยามเย็นนิ่งงัน ทว่าชีวิตยังคงเริงเล่นไปอย่างอิสระและเปี่ยมล้นด้วยพลังใจ.

วันพุธที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2550

เสียงน้ำและความเงียบงัน ๙

ชายชรากับหลานสาว

แสงแดดอ่อนโยนของยามเย็นอาบละอองพร่ามัวทาบทับเทือกเขาไกลโพ้น ดูราวกับฉากที่มีแม่น้ำโขงล่องไหลลับหาย นักท่องเที่ยวลงมาเดินชมความงดงามอยู่บนถนนริมฝั่งน้ำ ในขณะที่ผู้คนที่นี่ออกมาเดินเล่นและวิ่งออกกำลังกายดังเช่นปกติ เรือลอยลำเนิบช้าอยู่ริมฝั่งน้ำ ห่างไกลออกไปยังอีกฟากฝั่ง ชาวลาวเดินทอดแหอยู่บนหาดกรวดหินบนสันดอนกลางแม่น้ำ

ทุกเย็นฉันพบเห็นชายชราคนหนึ่งลงมาอาบน้ำโขงอยู่เสมอ คล้ายดั่งคำมั่นสัญญาของเพื่อนเก่า ชายชรากับแม่น้ำโขง คล้ายเป็นสัญญาณลึกลับในการพบเจอระหว่างชายชรากับฉัน และเป็นดั่งการนัดพบของชายชรากับเจ้ามณี สุนัขผู้มีอารมณ์กราดเกรี้ยวของตำมิละเกสต์เฮาส์

ทุกเย็นก่อนลงไปอาบน้ำในแม่น้ำโขง ชายชราจะออกเดินหรือวิ่งไปมาอยู่บนถนนริมฝั่ง เพื่อเรียกเหงื่อและทำให้ร่างกายอบอุ่นมากพอที่จะต้านทานความหนาวเย็นของแม่น้ำโขง ทันทีที่ชายชราปรากฏตัว ฉันจะได้ยินเสียงเห่าของเจ้ามณีจากบนเกสต์เฮาส์ จากนั้นมันจะค่อยๆ พาร่างเตี้ยๆ ของมันลงมาวิ่งไล่ตามเห่าแก ในขณะที่แกเองหันมาแกล้งขู่และเย้าแหย่มัน ทว่าเจ้ามณีก็หาได้ลดละไม่ ทั้งคู่จึงต่างวิ่งไล่ข่มขู่กันไปมาราวกับการเริงเล่นของสายลมที่หลงรักใบไม้แห้ง จึงพัดพาใบไม้ให้หมุนคว้างไปมาอยู่เช่นนั้น เมื่อสงครามยุติ ชายชราจึงเดินลงไปยังริมฝั่งน้ำ

เย็นนี้ก็เช่นเดียวกัน ทันทีที่ได้เห็นชายชรา เสียงเห่าของเจ้ามณีก็ดังขึ้น เป็นเสียงเห่าเล็กๆ ที่ไม่น่าเกรงขามเท่าใดนัก ทว่าในวันนี้ชายชรามากับหลานสาวตัวน้อยๆ คนหนึ่ง เธอคงนึกสนุกจึงอยากมาอาบน้ำโขงกับปู่ด้วย

ชายชราพาเธอออกวิ่งช้าๆ ไปตามถนนเลียบแม่น้ำ เสียงของเจ้ามณีเงียบหายไป แต่แล้วกลับดังขึ้นอีกครั้ง ดั่งคำสัญญาที่มีต่อกัน เจ้ามณียังทำหน้าที่ของมัน แต่พอมันเห็นเด็กหญิง มันเห่าอีกสองสามครั้งพอเป็นพิธีก่อนหันหลังกลับ ราวกับมันต้องการบอกให้ชายชรารู้ว่า “เอาแค่นี้ก็แล้วกัน ฉันไม่อยากทำให้แกต้องขายหน้าสาวน้อยคนนี้หรอก” จากนั้นมันก็วิ่งกลับขึ้นไปประจำที่ของมัน

เมื่อวิ่งจนเหนื่อย ชายชราพาเด็กหญิงเดินลงบันไดไปยังฝั่งน้ำ แกนั่งลงและชี้ชวนให้เด็กหญิงมองดูการไหลของสายน้ำพลางเอ่ยเล่าถึงบางเรื่องราวเกี่ยวกับแม่น้ำโขง จากนั้นแกช่วยเธอถอดเสื้อผ้าออกเพื่อให้ร่างกายชินกับไอเย็นของอากาศ หยั่งเท้าลงบนผืนทรายปล่อยให้เกลียวคลื่นน้อยๆ จากเรือหาปลาลามเลียหน้าแข้ง ฟังเสียงกระซิบแผ่วเบาจากคลื่นน้ำ และเริงเล่นอย่างสนุกสนาน

มันน่าตื่นเต้นมิใช่หรือกับการได้ลงมาอาบน้ำโขง มันน่าตื่นเต้นมิใช่หรือกับเรื่องเล่าของชายชรา เช่นเดียวกับสิ่งใหม่ๆ ที่กำลังย่างกรายเข้ามาสู่ชีวิตของเด็กหญิงคนนี้ เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมิใช่หรือกับครั้งแรกของชีวิต.