วันอังคารที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2550

มนต์รักแม่กลอง

วุฐิศานติ์ จันทร์วิบูล

มนต์รักแม่กลอง




เจื้อยแจ้วแว่วเสียงสำเนียงขับร้อง
ดั่งเพลงมนต์รักแม่กลอง
ล่องลอยพลิ้วหวานซ่านมา
กล่อม...สาวงามบ้านอัมพวา
มนต์รักแม่กลองแว่วมา
เหมือนสายธาราแม่กลองรำพึง





บทเพลงมนต์รักแม่กลองแว่วหวานซ่านผ่านริมฝีปากของฉันอยู่ตลอดเวลาที่เดินทางมุ่งหน้าสู่อำเภอแม่กลอง ราวกับว่า ฉันเดินทางมาตามท่วงทำนองของบทเพลง มาตามเสียงพร่ำร้องเพรียกหาที่แว่วดังอยู่ในหัวใจมาเนิ่นนาน





พี่ต้องจากลาขวัญตานิ่มน้อง
ไม่ลืมลาสาวแม่กลอง
ต้องครวญหวนมาสักวัน
กลิ่น...เนื้อนางไม่จางสัมพันธ์
เราสองล่องเรือร่วมกัน
ร้องเพลงชมจันทร์ลุ่มน้ำแม่กลอง


ฉันนั่งอยู่ริมแม่น้ำ ปล่อยให้สายลมหอบกลิ่นไออันอ่อนโยนคุ้นเคยล่องลอยเข้ามาโอบกอด ขณะเคลิ้มฟังบทเพลงแว่วหวานไพเราะจากเสียงไวโอลินของชายนิรนาม เสียงไวโอลินของเขาได้ชักพาให้ฉันเดินทางย้อนกลับไปสู่อดีตอันเลือนรางเมื่อวัยเด็ก ภาพแม่น้ำแผ่กว้างไพศาล ภาพเรือที่สัญจรผ่านไปมา บ้านเรือนริมฝั่งคลอง และการเดินทางอันไม่สิ้นสุด


ไม่เคยสิ้นสุด ราวกับว่าการเดินทางได้เริ่มต้น ณ ที่ใดที่หนึ่งของสุดฟากความฝัน เพื่อเดินทางไปยังที่ใดที่หนึ่งของอีกสุดฟากความฝัน เพียงชั่วลำน้ำแม่กลองขวางกัน เพียงชั่วเสียงเพลงล่องลับลอยหาย การเดินทางได้เริ่มต้นอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง...

ไม่ลืม...น้ำใจไมตรี
สาวงามบ้านบางคณที
เอื้ออารีเรียกร้อง ให้ดื่มน้ำตาล
พร้อมกับยิ้มหวานของนวลละออง
ก่อนลาจากสาวแม่กลอง
เราร่วมปิดทองงานวัดบ้านแหลม

ฉันเดินเรียบเรื่อยมาตามลำคลองอัมพวา ห่างไกลจากย่านตลาดที่นักท่องเที่ยวมาเที่ยวชม เดินเลือกซื้อสินค้า อาหาร ขนม และของฝากกันอย่างพลุกพล่าน ทว่ายิ่งห่างไกลออกมา ภาพห้องแถวไม้ริมฝั่งคลองกลับเงียบเหงา ท่ามกลางบรรยากาศยามเย็นอันเงียบสงบ


ฉันได้พบว่า ความมีชีวิตจริงๆ ของคนอัมพวาแอบซ่อนอยู่ที่นี่ ชีวิตอันปกติธรรมดาของผู้คน บ้านเรือนและร้านขายของของชาวบ้าน มีตั้งแต่อุปกรณ์การเกษตร ยา และสินค้าของชำ บางครอบครัวนั่งล้อมวงกินอาหารมื้อค่ำอยู่ด้วยกัน บ้างจดจ่ออยู่หน้าจอโทรทัศน์ บ้างนั่งพูดคุยสรวลเสเฮฮาระหว่างเพื่อนบ้าน เด็กๆ วิ่งหยอกล้อ กระโดดเล่นน้ำ หรือบางที นี่คือวิถีชีวิตของผู้คนแห่งลุ่มน้ำแม่กลองที่ฉันอยากได้รู้จักจริงๆ?
เจื้อยแจ้วแว่วเสียงสำเนียงขับร้อง
คร่ำครวญลาสาวแม่กลอง
ล่องลอยเมื่อคืนข้างแรม
กรุ่น...หอมไอทะเลเคล้าแซม
มนต์รักแม่กลองแทรกแซม
คิดถึงพวงแก้มนวลสาวแม่กลอง

สายลมยามค่ำคืนหอบไอเย็นของแม่น้ำขึ้นมาอบร่ำ เรือล่องออกจากตลาดอัมพวาเข้าสู่คลองผีหลอก เรือท่องเที่ยวนับสิบลำล่องไปในความมืดของแม่น้ำ เฝ้ามองแสงพริบพราวของดวงดาวเล็กๆ มากมายที่เกาะอยู่ตามกิ่งก้านดอกใบของต้นลำพูเหนือผืนน้ำ นาฏกรรมแห่งชีวิตที่ชักชวนผู้คนมากมายเข้ามาเยี่ยมชม อีกทั้งยังชักชวนความขัดแย้งมาสู่ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมฝั่งคลอง หรือการท่องเที่ยวกำลังจะเข้ามาแบ่งแยกทำลายความสงบเรียบง่ายของผู้คนที่นี่?



สายน้ำยามค่ำคืนทำให้ฉันหวนคิดถึงเรื่องราวมากมายที่ล้วนเคยผ่านเข้ามาแล้วผ่านไป ชีวิตที่ผ่านมาของฉันล้วนมีความเชื่อมโยงผูกพันอยู่กับสายน้ำ และผู้คนที่พิงพักอาศัยอยู่กับสายน้ำ เรื่องราวชีวิตของผู้คนที่นี่ก่อให้เกิดความคุ้นเคยกับฉันอย่างประหลาด แม้ในภาวะที่จำความได้ นี่คือครั้งแรกที่ฉันได้มาเยือนถิ่นแม่กลอง

แต่ในความฝันลึกล้ำของวัยเยาว์ สายน้ำแม่กลองล่องไหลเข้ามาอยู่เยือนในหัวใจของฉันมาเนิ่นนานแล้ว นับจากวันนั้น...

เสียงไวโอลินยังบรรเลงเพลงแผ่วเบา ล่องลอยมาตามสายน้ำยามค่ำคืน หวานแว่ว...
กรุ่น...หอมไอทะเลเคล้าแซม
มนต์รักแม่กลองแทรกแซม
คิดถึงพวงแก้มนวลสาวแม่กลอง...


๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๐

ไม่มีความคิดเห็น: