วันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2550

เสียงน้ำและความเงียบงัน ๒๗

ละครเงา

ความมืดโรยตัวอย่างอ้อยอิ่งโอบคลุมท้องฟ้าและสายน้ำกว้าง เด็กๆ ห้อมล้อมเข้ามาเฉกเช่นความมืด ส่งเสียงพูดคุยและหัวเราะ เด็กกลุ่มหนึ่งคือนักแสดง และเด็กอีกกลุ่มคือผู้ชม การแสดงละครหุ่นเงากำลังจะเริ่มขึ้นในไม่ช้า

ท้องฟ้าสีนิลขับดวงดาวสีเงินให้สุกสกาว สายลมชื้นแห่งค่ำคืนโชยผ่านเล่นล้อกับผืนผ้าเล็กๆ พลิ้วไหว ทั้งห้าผืน เด็กนั่งห้อมล้อมเป็นวงกว้างหน้าผืนผ้าซึ่งถูกแปลงเป็นจอหนังอันสุกสว่างด้วยดวงไฟ รอบข้างมืดสนิท มีเพียงแสงเรืองวาวจากดวงตาตื่นเต้น และอยากรู้อยากเห็น

“บ้านหลังหนึ่งกำลังย่างปลาไว้ในเตา เจ้าแมวออกอุบายให้หมาเอาข่าย่างปลาออกจากเตา แล้วตัวเองกินปลาจนหมด พอเจ้าหมารู้ว่าแมวกินปลาจนหมด หมาจึงไปฟ้องเจ้านาย เจ้านายโกรธมากจึงไล่ตีแมว”

“ตายายคู่หนึ่งอยากมีลูก จึงไปบนบานสานกล่าวกับต้นไทรใหญ่เพื่อขอลูก ระหว่างทางกลับบ้าน ตายายได้พบเด็กชายคนหนึ่ง จึงพากลับมาเลี้ยงดู วันหนึ่งขณะที่ตายายพาเด็กชายไปหาปลา เด็กลงเล่นน้ำและกลับกลายร่างเป็นพญานาค ตายายรู้สึกเกรงกลัวจะไปพาชาวบ้านมา หลังจากนั้นจึงไม่มีใครพบเห็นพญานาคอีกเลย”

“มีแม่ลูกคู่หนึ่ง ลูกอยากได้ห่วงยางแต่แม่ไม่มีเงินซื้อให้ วันหนึ่งลูกออกไปเล่นน้ำและจมน้ำหายไป แล้วมีชายคนหนึ่งช่วยเด็กน้อยขึ้นมาจากน้ำ ก่อนดำน้ำหายไป แม่ดีใจมากที่เห็นลูกยังมีชีวิตอยู่”

“ในงานลอยกระทง มีการประกวดนางนพมาศ ขณะที่นางงามแต่ละคนนั่งกระทงล่องแม่น้ำโขงมาถึงบริเวณผาถ่าน กระทงเกิดพลิกคว่ำ นางงามสามคนขึ้นจากน้ำได้ แต่นางผมหอมจมน้ำหายไป ฝรั่งนักประดาน้ำจึงลงไปช่วยนางผมหอมขึ้นมา ทั้งสองเกิดรักกันและแต่งงานกัน”

“มีหญิงสาวสองคนเป็นเพื่อนกัน ทั้งคู่ไปเที่ยวป่า และนัดกันว่าหากเกิดหลงทางให้ไปพบกันที่ภูเขาแห่งหนึ่ง ทั้งสองเดินเที่ยวป่าจนเพลินเข้าไปในป่าช้า และได้เจอผี ต่างจึงวิ่งหนีผีและเกิดพลัดหลงกัน คนหนึ่งไปถึงแม่น้ำ อีกคนไปพบกระต่ายป่า และต่างนึกถึงภูเขาแห่งที่นัดหมาย หญิงสาวทั้งสองจึงมาพบกันและพากันกลับบ้าน”

แต่ละเรื่องราวถูกเอ่ยเล่าขับขานผ่านเด็กน้อยทั้งห้ากลุ่ม แต่ละคนต่างช่วยกันเล่าเรื่องราวของตน แต่ละคนช่วยกันเชิดหุ่นกระดาษที่ช่วยกันประดิษฐ์ขึ้น เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้กับบรรดาเพื่อนๆ และผู้ที่นั่งชมอยู่ หน้าจออย่างใจจดใจจ่อ เฝ้ารอชมการเริงเล่นระหว่างแสงและเงา

จนทำให้ฉันอดคิดถึงค่ำคืนภายใต้แสงตะเกียงมิได้ ภายใต้แสงสลัวรางของตะเกียง หลายครั้งเราพบว่า เรื่องเล่าได้ถือกำเนิดจากเงาสลัวรอบเรืองแสงแห่งตะเกียง และเช่นเดียวกับพวกเราเด็กๆ นั่งอยู่ในวงแสงอันอบอุ่นนี้ มีรอยยิ้มบนดวงหน้าและแววตาฟุ้งฝัน ค่ำคืนนี้ก็ไม่แตกต่างกัน

เสียงตบมือดังกึกก้องพร้อมด้วยเสียงหัวเราะหยอกล้อ เมื่อแต่ละเรื่องเล่าจบลง กลุ่มผู้ชมต่างย้ายไปยัง หน้าจอผ้าที่มีแสงสลัวราง เรืองรองด้วยหุ่นเงาอันเคลื่อนไหวได้ราวกับมีชีวิต.

ไม่มีความคิดเห็น: