วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2550

การเดินทางของเด็กหญิงสายฝน

หนึ่งหยดมหาชเล
วุฐิศานติ์ จันทร์วิบูล


การเดินทางของเด็กหญิงสายฝน


บ่ายวันหนึ่ง เด็กหญิงสายฝนรู้สึกเหมือนตัวเองค่อยๆ ลอยสูงขึ้น ลอยสูงขึ้นทุกขณะ...
เบื้องล่างของเธอคือลำธารสายหงิกงอไหลผ่านหมู่บ้านท่ามกลางป่าเขาผืนเล็กๆ แห่งหนึ่ง ทอดยาวไกลจนลับหายจากสายตา เธอไม่รู้ว่าลำธารสายนี้ไหลไปหล่อเลี้ยงผืนแผ่นดินใด เด็กหญิงสายฝนรู้แต่เพียงว่าน้ำจะไหลลงสู่ที่ต่ำเสมอ ในขณะที่เธอกลับล่องลอยขึ้นสู่ห้วงฟ้า ถูกดูดกลืนเข้าหลอมรวมกับเหล่าพี่น้องพ้องเพื่อนของเธอที่เดินทางมาจากฟากโพ้นทะเล เป็นแมกเมฆอันบางเบาและโปร่งสบาย
อากาศเบื้องบนสดชื่นและเย็นสบาย เด็กหญิงสายฝนล่องลอยคล้อยเคลื่อนห่างไกลจากถิ่นกำเนิด เธอไม่รู้ว่าสายลมตะวันตกเฉียงใต้อันแผ่วจางจะพัดพากองคาราวานของพวกเธอไปหนแห่งใด แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับการได้ลอยล่องอย่างอิสระ ได้แลเห็นโลกต่างจากที่เคยเห็น...
โลกเบื้องล่างแปรเปลี่ยนตามภูมิประเทศสูงต่ำลดหลั่นกันไป จากเทือกผาป่าเขาแปรเปลี่ยนเป็นท้องทุ่งหญ้าเขียวขจี จากบึงบางกว้างใหญ่แปรเปลี่ยนเป็นสายห้วยธาราหลากไหล จากลำเนาไพรรกชัฏแปรเปลี่ยนเป็นเรือกสวนไร่นาอันงอกงาม จากผืนดินแห้งผากแปรเปลี่ยนเป็นความชุ่มชื้นด้วยสายฝนหลั่งโปรย
เธอรู้ว่า การมาเยือนของฤดูฝนนำพาความรื่นเริงแห่งชีวิตกลับมาอีกครั้ง นำพามาซึ่งความอุดมสมบูรณ์ของพืชพรรณธัญญาหาร นำพามาซึ่งรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และการถือกำเนิดใหม่
เวลาผ่านไปเพียงไม่นาน กองคาราวานของเธอกลับมีผู้เข้าร่วมอย่างมืดฟ้ามัวดิน หนาแน่นและเสียดสีจนเกิดประกายฟ้าเป็นเส้นสายยึกยือ ส่งเสียงครวญครางสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น หนักหน่วงและถ่วงทับจนต้องกลั่นตัวเป็นหยดหยาดเยียบเย็น เป็นละอองฝอยฝนอบร่ำหลั่งรินสู่พื้นดินเบื้องล่าง
เธอมองดูความงดงามของสายฝนโปรยปรายบางเบา มองดูผู้คนตามทุ่งนาป่าไร่ ใบหน้าที่เคยกร้านแดด แปดเปื้อนด้วยรอยยิ้มอิ่มเต็ม เด็กๆ ยิ้มเล่นเต้นรำท่ามกลางสายฝน ความสุขดูจะงอกงามดุจเดียวกับดอกไม้ใบหญ้า ความมีชีวิตชีวางอกงามท่ามกลางฤดูแห่งสายฝน ภาพที่เห็นทำให้เด็กหญิงสายฝนเผยยิ้มปริ่มสุข
เพียงไม่นานนัก แสงแดดยามเย็นสาดไล้ละอองฝอยฝนจนเหือดแห้ง สายรุ้งทอสะพานทอดโค้งทาบทาฟ้าฉ่ำฝน ลมตะวันตกเฉียงใต้คงพัดพาคาราวานแห่งหมู่เมฆล่องลอยคล้อยผ่านท้องไร่ท้องนา ฝูงวัวควายเดินและเล็มหญ้าอยู่กลางทุ่งโล่ง หมู่บ้านริมฝั่งน้ำ เมืองเล็กๆ ในชนบท สิ่งปลูกสร้างของมนุษย์และธรรมชาติแวดล้อมวางตัวกลมกลืนอยู่ด้วยกัน ดูสอดคล้องและถ่วงดุลซึ่งกันและกัน
ขณะกำลังเพลินมองดูภาพเบื้องล่าง เด็กหญิงสายฝนรู้สึกว่า คาราวานของเธอรีบเร่งเดินทางเร็วมากขึ้น ทันใดนั้น เธอกลับถูกโถมทับด้วยม่านหม่นดำครึ้มของหมู่เมฆที่ม้วนตัวเข้ามาอย่างรวดเร็วบ้าคลั่ง กระแสลมรุนแรงจนแทบจะฉีกกระชากร่างเธอออกเป็นเสี่ยงๆ พวกเธอพยายามเกาะกลุ่มกันแน่นหนา ถูกหอบพัดพาเข้ามาสู่เมืองใหญ่ ผ่านตึกรามบ้านช่องห้องหอหนาทึบเบียดอัดกันอยู่เบื้องล่าง ตึกหลายหลังเหยียดต้นสูงขึ้นสู่ฟากฟ้าราวท้าทาย ผู้คนมากมายมองขึ้นมาอย่างหวาดหวั่น บางคนหลบเข้าไปในยานที่เคลื่อนไปมาอยู่บนท้องถนนที่เชื่อมโยงกันราวกับเส้นสายลายทางเดินของหมู่มดง่าม
ขณะที่หมู่เมฆเบื้องบนปั่นป่วนปรวนแปรอย่างบ้าคลั่ง เสียงเสียดสีดังคำรามกึกก้องอย่างน่ากลัว ผืนฟ้าราวจะปริแยกแตกด้วยแรงฉีกกระชากทำลายจากประกายแห่งสายฟ้า และเพียงไม่นานนัก ความหน่วงหนักทั้งมวลยิ่งบีบรัดแน่น กลั่นคั้นตัวตนจนกลายเป็นมวลน้ำอบร่ำหลั่งโปรยหนาหนักอยู่เนิ่นนาน
โลกเบื้องล่างมืดมัวอย่างรวดเร็ว ผู้คนทั้งหมดวิ่งกระจายหายเข้าไปในตึกรามบ้านช่อง บ้างหายเข้าไปในยานที่มีดวงตาสีแดงซึ่งเคลื่อนไปไหนไม่ได้ มองดูคล้ายกบที่ออกมาเล่นน้ำฝนกันแน่นขนัดอยู่บนถนนหนทาง
เด็กหญิงสายฝนมองดูโลกแห่งค่ำคืนเบื้องล่าง แสงไฟสว่างเรืองดูมัวซัวด้วยม่านฝน และทันใดนั้น เธอรู้สึกวูบสะท้านหวั่นไหว เมื่อพบว่าตัวเองกำลังหล่นร่วงลงสู่เบื้องล่าง เป็นการหล่นร่วงอย่างสวยงามพร้อมกับเพื่อนๆ ของเธอ หล่นร่วงลงมาด้วยความรักและอาทร เธอนึกถึงรอยยิ้มอิ่มสุขของชาวไร่ชาวนา นึกถึงเสียงหัวเราะของเด็กๆ ริมฝั่งน้ำ
ขณะกำลังร่วงลงสู่ผืนน้ำอันมืดดำ เด็กหญิงสายฝนมองเห็นใบหน้าของผู้คนที่ยืนหลบฝนอยู่ริมฝั่งท่าน้ำ ใบหน้าของพวกเขาดูหงุดหงิดเคร่งเครียด สายตาของพวกเขาชิงชังรังเกลียด มองดูสายฝนและความเฉอะแฉะอย่างนึกรำคาญ
ภาพที่เห็นทำให้เธอรู้สึกเศร้าสร้อย...
...ด้วยความรัก พวกเธอจึงเดินทางมาจากดินแดนอันห่างไกล หวังเพียงนำความชุ่มชื้นมาสู่ผืนแผ่นดิน หวังเพียงนำความงอกงามมาสู่พืชพรรณ หวังเพียงนำความสดชื่นรื่นเริงมาสู่มวลชีวิต หวังเพียงรอยยิ้มและเสียงหัวเราะคอยขับกล่อมโลกให้สดใส
เพียงชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น ความรู้สึกทั้งมวลของเธอเลือนลับดับหาย เด็กหญิงสายฝนหล่นร่วงลงสู่พื้นน้ำอีกครั้ง ผืนน้ำอันขุ่นข้นและมืดมัว เธอไม่รู้ว่า สายน้ำจะพัดพาเธอไหลไปหล่อเลี้ยงผืนแผ่นดินใด
เด็กหญิงสายฝนรู้แต่เพียงว่า น้ำจะไหลลงสู่ที่ต่ำเสมอ

พิมพ์ครั้งแรก นิตยสารสานแสงอรุณ ฉบับผู้หญิง...เดินทาง พฤศจิกายน-ธันวาคม 2549

ไม่มีความคิดเห็น: